Thursday, December 29, 2011

เม็ดขนุน



ส่วนผสม
ถั่วเขียว 2 ถ้วยตวง
มะพร้าว 1/2 กิโลกรัม
น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1.ถั่วเขียวแช่น้ำเพื่อให้เปลือกหลุด และถั่วขึ้นน้ำจึงนำไปนึ่ง แล้วโขลกให้ละเอียด
2.คั้นกะทิให้ข้น นวดกับถั่วให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลนวดไปด้วย
3.นำไปตั้งไฟอ่อนๆ กวนจนแห้งและไม่ติดกระทะ จึงยกลง
4.เมื่อเย็นแล้วปั้นเป็นรูปเม็ดขนุน พักไว้ให้ผิวเม็ดขนุนแห้ง
ไข่และน้ำเชื่อม
ไข่ 12 ฟอง
น้ำตาล 3 ถ้วยตวง
น้ำ 5 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.ผสมน้ำตาลกับน้ำตั้งไฟให้น้ำตาลละลาย กรองแล้วตั้งไฟต่อไปจนงวด แบ่งน้ำเชื่อมเป็น 2 ส่วน
2.แยกไข่แดงออกจากไข่ขาว ใช้แต่ไข่แดง กรองเยื่อไข่แดงออก
3.ใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มเม็ดขนุนชุบไข่แดง แล้วใส่ลงในน้ำเชื่อม ให้ไข่สุกตักขึ้น ใส่ในน้ำเชื่อมเย็น จึงตักขึ้นพักไว้
4.เมื่อทำจนหมดแล้ว กรองน้ำเชื่อมทั้งหมดตั้งไฟให้เดือด พรมน้ำนิดหน่อย ทิ้งไว้ให้อุ่น แล้วตักราดบนเม็ดขนุนจนหมด
5.ขยับภาชนะที่ใส่เพื่อไม่ให้เม็ดขนุนติดกัน แช่ไว้สักพักจึงตักขึ้น เม็ดขนุนจะเป็นเงาสวย
หมายเหตุ ไข่ที่ใช้จะต้องสด และผิวเม็ดขนุนต้องแห้ง จึงจะติดไข่และผิวเรียบดี

ฝอยทอง


ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
ไข่เป็ด 15 ฟอง
น้ำดอกไม้สด 6 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1.ล้างไข่ให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
2.ต่อยไข่ใส่ภาชนะ เอาแต่ไข่แดง ตีให้แตก
3.กระทะทองตั้งไฟ ผสมน้ำดอกไม้สด น้ำตาลละลาย น้ำดอกไม้สด กรองให้สะอาด เคี่ยวต่อไปจนน้ำตาลแดง
4.ตักไข่แดงใส่กรวย โรยลงในกระทะน้ำเชื่อมกะดูว่าไข่สุก ใช้ไม้เล็กช้อนขึ้นวางในภาชนะ ทำให้เป็นจับตามต้องการ

ทองเอก


ส่วนผสม
ไข่ไก่ 6 ฟอง
ผลอัลมอนด์ 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
กะทิ 1 ถ้วยตวง
ทองคำเปลว 2 แผ่น


วิธีทำ
1.คั่วผลอัลมอนด์ให้กรอบ บดให้ละเอียดเป็นผงแป้ง แล้วร่อนหลายๆ ครั้ง
2.ใส่ไข่แดง น้ำตาลทราย ลงในกะทิ คนให้เข้ากัน จนน้ำตาลทรายละลาย
3.ร่อนผลอัลมอนด์ลงในส่วนผสมข้อ 2 ทีละน้อย ตะล่อนให้เข้ากัน
4.นำไปตั้งไฟอ่อนๆ กวนจนปั้นได้ ใส่พิมพ์ทิ้งให้เย็น เคาะออก ติดทองคำเปลว นำไปอบควันเทียน

ทองหยอด



ส่วนผสม
ไข่เป็ด 10 ฟอง
แป้งทองหยอด 1/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 7 ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1.ผสมน้ำ น้ำตาลทราย ตั้งไฟให้เดือดพอเหนียว ตักน้ำเชื่อมขึ้นไว้สำหรับลอยทองหยอด ที่เหลือตั้งไฟต่อไปให้น้ำเชื่อมเหนียว
2.แยกไข่แดง ไข่ขาว
3.ตีไข่แดงให้ขึ้น ค่อยๆ ใส่แป้งทองหยอดแล้วคนให้เข้ากัน
4.หยอดไข่ที่ตีแล้วลงในน้ำเชื่อมที่ตั้งอยู่บนไฟ ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางเป็นตัวกำหนด ต้องการลูกเล็กหรือใหญ่ตามชอบ นิ้วหัวแม่มือจะเป็นนิ้วที่ช่วยรูดแป้งลงที่ปลายนิ้ว แล้วจึงสะบัดไข่ลงในน้ำเชื่อม
5.เมื่อทองหยอดสุกลอยขึ้น ตักใส่ในน้ำเชื่อมสำหรับลอย
จัดให้ตามคำขอครับ

ทองม้วน



ส่วนผสม
แป้งมันอย่างดี 2 1/2 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
มะพร้าว 3 ขีดคั้นให้ได้ 1 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลปีบ (250 กรัม) 2 1/2 ขีด
ไข่ไก่ใบเล็ก 1 ฟอง
งาดำ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับทาพิมพ์
พิมพ์ทองม้วน

วิธีทำ
1.เอาน้ำกะทิกับน้ำตาลปีบละลายให้เข้ากัน ตั้งไฟให้เดือด แล้วกรองเอาขี้ผงออก ทิ้งไว้ให้เย็น
2.ตอกไข่ตีให้แตก นำไปผสมกับแป้งมันและแป้งข้าวเจ้า
3.ตักน้ำตาลที่เย็นแล้วลงเคล้าผสมไป จนแป้งละลายและไม่เป็นเม็ด จึงใส่งาดำ คนให้เข้ากัน
4.ติดเตาถ่านให้แดงทั่ว แล้วเอาขี้เถ้าโรยทับเพื่อให้ไฟอ่อนเสมอกัน
5.ใช้เหล็ก หรือคีมวางพาดลงบนเตา ผิงพิมพ์ทองม้วน ให้ร้อนก่อนแล้วทาน้ำมันบางๆ ให้ทั่ว (ใช้ลูกประคบจุ่มน้ำมันทาพิมพ์จะสะดวกดี น้ำมันจะไม่โชกเกินไป)
6.พอร้อนจึงตักขนมใส่ราวครึ่งช้อนโต๊ะ บีบพิมพ์ให้แน่น ปิ้งกลับไปกลับมาจนขนมเหลือง ใช้มีดแซะออกจากพิมพ์ พับริมสองข้างแล้วม้วนเร็ว ก่อนที่ขนมจะแข็งตัว
7.เสร็จแล้วทิ้งไว้ให้เย็น จึงเก็บใส่ขวดโหล อบด้วยควันเทียนจะหอมอร่อยยิ่งขึ้น
หมายเหตุ การม้วนทองม้วนถ้าไม่มีไม้กลมๆ จะใช้ไม่แบนๆ กว้างราว 1 1/2 ซม. พับก็ได้จะง่ายกว่า

ขนมทองชมพูนุท



ส่วนผสม
ไข่ไก่(ไข่แดง) 5 ฟอง
กะทิ 1 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง


วิธีทำ
1.ผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า ให้เข้ากัน นวดด้วยกะทิ
2.นำไข่แดง น้ำตาลทราย คนให้เข้ากันแล้วมารวมกับส่วนผสมข้อ 1
3.นำขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ กวนจนปั้นได้
4.ใส่พิมพ์ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วเคาะออก นำไปอบควันเทียน

ขนมครก (สูตรแป้งสำเร็จรูป)



สูตรนี้รับรองว่าสามารถนำไปใช้ได้จริงแน่นอนค่ะ การันตีโดยแม่ค้าขายขนมครกอย่าง "แม่เล็ก เข้มพิมพ์" ผู้เป็นเจ้าของสูตรขนมครก (สูตรแป้งสำเร็จรูป) นี้ เพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้ให้ท่านผู้สนใจสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ค่ะ . . .
Ingredients (ส่วนผสม) :
แป้งข้าวเจ้า (ใช้ข้าวขาวธรรมดา) อย่างดี 1/2 กิโลกรัม
หางกะทิสด 2 1/2 กิโลกรัม
น้ำตาลปี๊บ (น้ำตาลมะพร้าว) 2 ช้อนโต๊ะ

Method (วิธีทำ) :
1. นำแป้งข้าวเจ้าเทลงภาชนะ ค่อยๆ เติมหางกะทิเบื้องต้นประมาณ 200 cc. คนแป้งกับหางกะทิให้เข้ากัน ถ้าแห้งไปค่อยๆ เติม และนวดจนกว่าเนื้อแป้งทั้งหมดจะเป็นก้อน มีความนิ่มของเนื้อแป้งกับหางกะทิพอประมาณ จากนั้นตักแบ่งออกไว้ต่างหาก 2 ช้อนโต๊ะ
2. นำแป้งที่เหลือนวดเข้าด้วยกันกับน้ำตาลปี๊บ โดยนำเนื้อแป้งค่อยๆ ผสมกับน้ำตาล และเหยาะหางกะทิลงไปพร้อมๆ กัน แล้วค่อยๆ นวดให้เนื้อแป้งเข้ากับน้ำตาลและหางกะทิ จนได้เนื้อแป้งผสมกับน้ำตาลปี๊บและหางกะทิจนเป็นเนื้อเดียวกัน พร้อมหยอดเป็นเนื้อขนมครกส่วนแรก
Ingredients (ส่วนผสม) : หน้าขนมครก
แป้งขนมครกที่นวดและแบ่งไว้ในส่วนที่ 1 2 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิสด 1 กิโลกรัม
น้ำตาลทรายขาว 300 กรัม
เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ

Method (วิธีทำ) :
1. นำเนื้อแป้งที่แบ่งไว้ใส่ลงในภาชนะแล้วละลายให้เข้ากับหัวกะทิ พร้อมใส่น้ำตาลทราย เกลือป่น คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันจนเป็นส่วนผสมเดียวกัน ส่วนผสมนี้ใช้เป็นหน้าขนมครก

วิธีหยอดขนมครก :
1. ติดไฟใส่เตา (ใช้เตาถ่านขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางพอๆ กับเบ้าขนมครก) เมื่อถ่านในเตาติดไฟจนแดงหมดทุกก้อน (ควรใช้ถ่านก้อนเล็กๆ) นำเบ้าขนมครกตั้งบนเตา ใช้ลูกประคบชุบน้ำมันหมู เช็ดเบ้าขนมครกทุกเบ้าจนควันขึ้นอ่อนๆ นำลงจากเตาแล้วให้นำขี้เถ้าโรยบนเตาจนไม่เห็นก้อนถ่านจนทั่ว
2. นำเบ้าขนมครกตั้งไฟอีกครั้ง เช็ดน้ำมันออกจนเบ้าสะอาดแต่ยังมีน้ำมันเกาะอยู่ในเบ้า
3. พอร้อนได้ที่ ตักเนื้อขนมครกส่วนแรกหยอดลงเบ้า ก่อนตักให้คนเนื้อขนมครกที่เป็นแป้งละลายหางกะทิเสียก่อน เพราะเนื้อแป้งอาจนอนก้น การหยอดให้หยอดไป 3 ใน 5 ของเบ้า
4. จากนั้นหยอดส่วนที่เป็นหน้าขนมครกอีก 2 ใน 5 หรือจนเต็มพอดีกับเบ้าขนมครก เสร็จแล้วปิดฝาคอยจนเนื้อขนมครกสุก

แต่ถ้าเราต้องการใส่หน้าต่างๆ เช่น ต้นหอม ข้าวโพด มันต้ม เผือกต้ม ฝอยทอง หรืออื่นๆ ให้หยอดหลังจากหยอดเนื้อที่เป็นหน้าขนมครกส่วนที่ 2 นี่เอง

สูตรนี้จะใช้เตาถ่านและน้ำมันหมู เพื่อรสและกลิ่นของขนมครกที่ลงตัวจนเป็นสูตรเฉพาะตัวที่หลายคนติดใจ แต่ถ้าไม่สะดวกจะปรับแต่งเป็นเตาแก๊สหรือใช้น้ำมันพืชตามความสะดวกของท่านก็ ได้

Tuesday, January 25, 2011

ขนมปังไส้หมูหยอง


แป้งสาลี 1000 กรัม
เนย 80 กรัม
นมผง 1/3 ถ้วยตวง
เอ็มเพล็กซ์ 2 ช้อนชา
ยีสต์ 4 ช้อนชา
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 120 กรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำ 2 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. เทแป้งใส่อ่างผสม ใส่เนย นมผงและเอ็มเพล็กซ์ นวดให้เข้ากัน
2. ใส่เกลือ น้ำตาลทราย ยีสต์ และไข่ไก่ นวดให้เข้ากัน
3. ค่อย ๆ เทน้ำลงไป นวดต่อไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียวขณะที่นวดแป้งควรใส่น้ำมันพืชลงไปพอประมาณ เพราะเวลานวดแป้งจะไม่เหนียวติดมือ
4. เมื่อแป้งได้ที่ ให้นำออกแผ่ในกะละมัง ใช้ฝ่ามือไล้แป้งไปมาให้หน้าแป้งเรียบ จากนั้นคลึงแป้ง
ให้เป็นก้อนกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว
5. วางในถาดทาเนยขาว คลุมแป้งด้วยผ้าขาวบาง พักไว้ให้แป้งขึ้นประมาณ 45 นาที
6. ตบแป้งที่พองตัวให้เป็นรูปกลมแบน ตักไส้ใส่ลงไปตรงกลาง แล้วห่อแป้งปิดไส้ให้เรียบร้อย นำไปใส่ในพิมพ์อลูมิเนียมที่ทาเนยขาวให้ทั่วค่อนข้างหนา
7. แล้วนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที
8. เมื่อขนมปังสุกจะพองตัวขึ้นอีก 2 เท่า แกะขนมปังออกจากพิมพ์ ทาผิวขนมปังด้วยเนย
อีกครั้ง เพื่อให้ผิวสวย

ไส้หมูหยอง
หมูหยอง 5 ถ้วย
น้ำพริกเผา เล็กน้อย

ขนมปังไส้ไก่



แป้งสาลี 1000 กรัม เนย 80 กรัม
นมผง 1/3 ถ้วยตวง เอ็มเพล็กซ์ 2 ช้อนชา
ยีสต์ 4 ช้อนชา เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 120 กรัม ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำ 2 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. เทแป้งใส่อ่างผสม ใส่เนย นมผงและเอ็มเพล็กซ์ นวดให้เข้ากัน
2. ใส่เกลือ น้ำตาลทราย ยีสต์ และไข่ไก่ นวดให้เข้ากัน
3. ค่อย ๆ เทน้ำลงไป นวดต่อไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียวขณะที่นวดแป้งควรใส่น้ำมันพืชลงไปพอประมาณ เพราะเวลานวดแป้งจะไม่เหนียวติดมือ
4. เมื่อแป้งได้ที่ ให้นำออกแผ่ในกะละมัง ใช้ฝ่ามือไล้แป้งไปมาให้หน้าแป้งเรียบ จากนั้นคลึงแป้งให้เป็นก้อนกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว
5. วางในถาดทาเนยขาว คลุมแป้งด้วยผ้าขาวบาง พักไว้ให้แป้งขึ้นประมาณ 45 นาที
6. ตบแป้งที่พองตัวให้เป็นรูปกลมแบน ตักไส้ใส่ลงไปตรงกลาง แล้วห่อแป้งปิดไส้ให้เรียบร้อย นำไปใส่ในพิมพ์อลูมิเนียมที่ทาเนยขาวให้ทั่วค่อนข้างหนา
7. แล้วนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที
8. เมื่อขนมปังสุกจะพองตัวขึ้นอีก 2 เท่า แกะขนมปังออกจากพิมพ์ ทาผิวขนมปังด้วยเนย อีกครั้ง เพื่อให้ผิวสวย

ไส้ไก่
เนื้อไก่ต้มสุกหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 1 ถ้วยตวง มันฝรั่งหรือมันเทศหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 1 ถ้วยตวง
ซอสปรุงรส 1 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
ผงกะหรี่ 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอประมาณ
2. ผัดหอมหัวใหญ่จนหอม
3. ใส่เนื้อไก่และมันฝรั่ง ผัดจนสุก
4. ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงที่เหลือ
5. ผัดไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน

ขนมปังไส้กรอกแฟรงค์เฟิร์ต


แป้งสาลีทำขนมปัง 800 กรัม
แป้งสาลีทำเค้ก 200 กรัม
นมผง 40 กรัม
น้ำตาลทราย 180 กรัม
ยีสต์แห้งสำเร็จรูป 15 กรัม
เกลือป่น 15 กรัม
สารเสริมคุณภาพโดบริม 10 กรัม
ไข่ไก่ 2 กรัม
น้ำเย็น (ประมาณ) 400 - 450 กรัม
มาร์การีน 160 กรัม
สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับไส้กรอกแฟรงค์เฟิร์ตผัดผงกะหรี่)
ไส้กรอกแฟรงค์เฟิร์ตหั่นชิ้นเล็ก 500 กรัม
หอมหัวใหญ่หั่นชิ้นเล็ก 1 หัว
แครอทหั่นชิ้นเล็กเมล็ดถั่วลันเตา และข้าวโพดน้ำหนักรวม 200 กรัม
ผงกะหรี่ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโตะ
นมข้นจืด 125 กรัม
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 30 กรัม
มาร์การีนสำหรับผัด
วิธีทำ
- นวดส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจนแป้งเนียน นานประมาณ 10 - 15 นาที แบ่งก้อนโดน้ำหนัก 50 กรัม คลึงให้เป็นก้อนกลม
- รีดโดออกเป็นแผ่นบาง ตักส่วนผสมไส้กรอกแฟรงค์เฟิร์ตผัดผงกะหรี่ลงในแป้ง แล้วห่อไส้ให้มิดวางลงในพิมพ์ที่ทาด้วยเนยขาว หมักขนมปังจนขึ้นเป็น 2 เท่า นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 350 - 375 องศาฟาเรนไฮด์จนกระทั่งสุก

วิธีทำ (ไส้กรอกแฟรงค์เฟิร์ตผัดผงกะหรี่)
- ผัดหอมหัวใหญ่ กับมาร์การีนจนสุกหอม เติมไส้กรอกแฟรงค์เฟิร์ต พร้อมส่วนผสมที่เหลือ และเครื่องปรุงรสทั้งหมด ผัดจนสุกจึงยกลงเตรียมไว้ สำหรับเป็นไส้ขนมปัง

Wednesday, January 19, 2011

น้ำพริกเต้าเจี้ยวเนื้อปลา


สิ่งที่ต้องเตรียม
เต้าเจี้ยว (เฉพาะเนื้อ)100 กรัม
เนื้อปลาช่อนต้มสุกหยาบ100 กรัม
พริกขี้หนูสับหยาบ 4 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้สับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว สูตร 1 1/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 6 ช้อนโต๊ะ
ผักลวกสุกตามชอบ
วิธีทำ
- ผสมเต้าเจี้ยว สูตร 1 กับเนื้อปลาช่อน พริกขี้หนูสวนแลตะไคร้เข้าด้วยกัน ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว
สูตร 1 น้ำตาลทรายและน้ำมะนาว ชิมรสตามชอบ ตักใส่ภาชนะ รับประทานคู่กับผักลวกตามชอบ

ขนมปังซุกกินี


-เนย 1 ช้อนโต๊ะ
-ไข่ไก่ 3 ฟอง
-น้ำมันพืช 3/4 ถ้วยตวง
-น้ำตาลทราย 1.5 ถ้วยตวง
-น้ำวานิลลา 1 ช้อนชา
-เนื้อผักซูกินีขูดแล้ว 2 ถ้วยตวง
-เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1 ถ้วยตวง
-แป้งสาลีที่ยังไม่ได้ขัดให้ขาว 2.5 ถ้วยตวง
-ผงฟูโซดา 2 ช้อนชา
-ผงฟู 1 ช้อนชา
-เกลือ 1 ช้อนชา
-อบเชยป่น 1 ช้อนชา
-กานพูลป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1.เปิดเตาอบไว้ก่อนให้ร้อน 175 องศาเซลเซียส
2.นำเนย 1 ช้อนโต๊ะ ทาด้านในของถาดอบขนมปังที่มีขนาด 9 x 5 นิ้ว
3.ตีไข่ น้ำมันพืช น้ำตาล และวานิลลาให้เข้ากันจนเป็นน้ำข้น ๆ แล้วค่อยผสมเนื้อซูกินี
ที่ขูดแล้วลงไป
4.ร่อนส่วนผสมแห้งนั่นคือ แป้งสาลีที่ยังไม่มีการฟอกสี ผงฟูโซดา ผงฟู เกลือ อบเชยป่นและ กานพลูป่น
ร่อนเข้าด้วยกันในภาชนะใหญ่ ๆ สำหรับผสม
5.เทส่วนผสมที่เป็นน้ำลงไปในส่วนผสมแห้งผสมพอให้เข้ากัน ไม่ต้องเข้ากันมาก และใส่
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงไปคนให้เข้ากัน
6.เทส่วนผสมทั้งหมดลงไปในถาดขนมปังที่ได้เตรียมไว้แล้ว
7.นำถาดไปอบในเตาอบชั้นล่าง 1 - 1 1/2 ชั่วโมง หรือจนกระทั่งสุก (เมื่อเอาไม้จิ้มลงไป
ตรงกลางขนมปังดึงออกมาจะสะอาด และไม่มีแป้งเปียก ๆ ติดอยู่)
8.เมื่อสุกพักให้เย็น และเคาะออกจากถาด และผึ่งให้เย็นสนิทถึงจะห่อเก็บ
9.ทิ้งไว้ค้างคืนด้วยการห่อจะอร่อยมากขึ้น

(สูตรจากหมึกแดงค่ะ)

ขนมปังขาไก่ต้มยำ


ขนมปังขาไก่ต้มยำ ของกินเล่นเคี้ยวกรุบกรอบของฉบับนี้ ใส่ใบมะกรูด ตะไคร้ ผิวมะนาว ผักชี ผสมรวมลงไปช่วยชูรสและกลิ่น กินกับน้ำพริกเผาสามรส เป็นของว่างรองท้องยามบ่ายได้อย่างมีรสชาติ
ส่วนผสม
• แป้งขนมปัง 140 กรัม
• แป้งอเนกประสงค์ 60 กรัม
• ยีสต์ 2 ช้อนชา
• น้ำตาลทรายสีรำ(ไม่ฟอกขาว) 1/2 ช้อนชา
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
• พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
• น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำสะอาด 1/2 ถ้วยตวง
• ใบมะกรูดสับละเอียด 1ช้อนโต๊ะ
• ตะไคร้สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
• ผักชีสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
• ผิวมะนาวสับละเอียด 2 ช้อนชา
• พริกชี้ฟ้าแห้ง 1-2 ช้อนชา (กรีดเม็ดล้างน้ำแล้วสับละเอียด)
วิธีทำ
1. ร่อนแป้งทั้งสองชนิดลงในอ่างผสมแล้วใส่ยีสต์ น้ำตาล เกลือ พริกไทยและสมุนไพรที่เหลือทั้งหมดเคล้าให้เข้ากัน ทำหลุมแป้งตรงกลางแล้วใส่น้ำมันและน้ำ จากนั้นนวดจนเข้ากันดี(ถ้าเหลวไปเติมแป้งขนมปังได้อีกเล็กน้อย)
2. คลึงแป้งเป็นก้อนกลมวางในอ่างผสม ใช้ผ้าขาวบางคลุมพักไว้ประมาณ 20 นาทีจนแป้งขึ้นเป็น 2 เท่า นำมาตัดเป็นก้อนเล็กๆประมาณ 10-15 กรัม คลึงให้เป็นเส้นยาวคล้ายแท่งดินสอ ยาวประมาณ 8 นิ้ว วางลงบนถาดที่ทาไขมันบางๆ เข้าอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮ หรือ 180 องศาเซลเซียต ประมาณ 20 นาทีหรือจนสุกเหลือง พักบนตะแกรงให้เย็นรับประทานกับน้ำพริกเผาสามรส
น้ำพริกเผาสามรส
ส่วนผสม
• น้ำพริกเผา 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 1/2-1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 2 ช้อนชา
• หอมแดงซอยบาง 1 ช้อนโต๊ะ
• ใบมะกรูดหั่นฝอย 1 ช้อนชา
วิธีทำ
• ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันชิมรสตามชอบ รับประทานคู่กับขนมปังขาไก่ต้มยำ

กล้วยบวชชีแห้ง



ของหวานจานนี้ดัดแปลงน้ำกะทิ ทำเป็นซอสปรุงให้ข้นและรสจัด ราดบนกล้วยหอมนึ่งสุก แต่งหน้าด้วยงาขาวคั่วและกลีบกุหลาบสีแดงสด เป็นของหวานไทยสไตล์ฝรั่งที่เก๋ไก๋และอร่อย รับรองว่าถ้าทำเลี้ยงแขกต้องประทับใจแน่นอนครับ
ส่วนผสม
• กล้วยหอมสุกปานกลาง 4 ผล
• กะทิข้นปานกลาง 1 ถ้วย (ใช้มะพร้าวขูดขาวประมาณ 300 กรัม)
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
• เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
• แป้งข้าวจ้าว 1 ช้อนโต๊ะ (ละลายกับน้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ)
• งาขาว กลีบกุหลาบ สำหรับตกแต่งหน้า
วิธีทำ
1. ผสมกะทิ น้ำตาลทรายและเกลือ ให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟร้อนปานกลาง รอจนเดือด แล้วจึงค่อยๆเติมแป้งข้าวเจ้าละลายน้ำ คนจนกะทิเริ่มข้นเหนียวขึ้น ยกลงพักไว้
2. กรีดเปลือกกล้วยหอมตามยาว นำไปนึ่งทั้งเปลือกในรังถึงที่น้ำเดือดๆ ประมาณ 4-5 นาที
3. เมื่อกล้วยสุก ลอกเอาเปลือกออก จัดใส่จาน ราดด้วยน้ำกะทิ
4. โรยงาขาว หรือตกแต่งด้วยกลีบกุหลาบ เสิร์ฟขณะร้อนๆ
H&C Tip - ถ้าใช้กล้วยงอมแล้ว กล้วยจะเละง่าย ให้ลดเวลานึ่งเหลือประมาณ 2 - 3 นาที

Monday, January 17, 2011

เต้าเจี้ยวหลนกับผักสด (สำหรับ 5 ที่)


สิ่งที่ต้องเตรียม
เต้าเจี้ยวขาว 100 กรัม
หอมแดงซอย 100 กรัม
เนื้อหมูสับหยาบ 100 กรัม
เนื้อกุ้งสับหยาบ 100 กรัม
น้ำ 500 ซีซี
พริกชี้ฟ้าสามสี อย่างละ 1 เม็ด
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำมะขามเปียก 50 กรัม
กลูเซอนา เอสอาร์ 10 ช้อนตวง
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ผักสดสำหรับรับประทาน

วิธีทำ
- โขลกเต้าเจี้ยวขาวกับหอมแดง 50 กรัมจนละเอียด
- ใส่เนื้อหมูและเนื้อกุ้งลงในเต้าเจี้ยว โขลกผสมเข้าด้วยกัน จนส่วนผสมเหนียว จึงตักขึ้น
- ละลายเครื่องที่โขลกกับน้ำ 300 ซีซี ลงในภาชนะ คนผสมให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟ ต้มจนเดือด
ใส่หอมแดงส่วนที่เหลือกับพริกชี้ฟ้า ปรุงรสด้วยเกลือป่นและน้ำมะขามเปียก เคี่ยวใช้ไฟอ่อนจน
ส่วนผสมเข้ากันดี
- ละลายกลูเซอนา เอสอาร์กับน้ำ 200ซีซีเข้าด้วยกัน เทส่วนผสมกลูเซอนาลงในเต้าเจี้ยวหลน
เติมไข่ไก่ คนผสมให้พอเข้ากัน พอเดือด ยกลง ตักเต้าเจี้ยวหลนใส่ถ้วย รับประทานคู่กับผักสด
ตามชอบ

Wednesday, January 12, 2011

Tiramisu


ทิรามิสุ (tiramisu) ขนมหวานสัญชาติอิตาเลียน กำลังเป็นที่นิยมในบ้านเรา ด้วยเนื้อขนมนุ่มเบาและรสเฉพาะตัวของชีสมาสคาโปเน่(Mascapone)กับวิปปิ้งครีมตัดกับรสเข้มของขนมปังเลดี้ฟิงเกอร์(Lady finger)ที่ชุ่มด้วยกาแฟดำ อร่อยอย่างลงตัวพอดิบพอดี
ส่วนผสมเนื้อครีม
• ไข่ 3 ฟอง
• วิปปิ้งครีม(Whipping cream) 1 1/4 ถ้วย
• หรือเฟรชครีม (Fresh cream)
• ชีสมาสคาโปเน่(mascapone cheese) 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมชั้นกาแฟ
• ขนมปังเลดี้ฟิงเกอร์(Lady finger) 10 ชิ้น
• กาแฟดำ 2 ถ้วยตวง
• ผงโกโก้สำหรับโรยหน้า
วิธีทำ
1. ผสมครีมกับชีสมาสคาโปเน่แล้วตีให้ขึ้นฟู(ความเร็วปานกลางจนตั้งยอด) แช่เย็นไว้จนเย็นจัด
2. แยกไข่ขาวกับไข่แดง ผสมน้ำตาลทรายกับไข่แดงตีรวมกันจนเป็นครีมข้น แช่เย็นไว้
3. ตีไข่ขาวจนกระทั่งฟูตั้งยอด
4. นำส่วนผสมของชีส ไข่แดง และไข่ขาวที่แช่เย็นจัดมาเคล้ารวมกันเบาๆ จากนั้นนำไปแช่เย็นอีกครั้งประมาณ 30 นาที
5. นำขนมปังเลดี้ฟิงเกอร์ไปจุ่มในกาแฟดำให้ชุ่ม จัดใส่ในแก้วที่ชอบแล้วราดทับด้วยครีม สลับชั้นกันจนเต็มแก้ว โรยหน้าด้วยผงโกโก้
H&C Tips
- ไข่ควรใช้ไข่สดใหม่ เพราะเมื่อตีแล้วจะขึ้นฟู
- กาแฟดำควรชงให้มีรสขมกว่าปกติเล็กน้อย เพราะจะตัดรสกับครีมได้ดียิ่งขึ้น
- ควรเสิร์ฟขณะที่เย็นจัด และอาจเสิร์ฟคู่กับขนมปังหรือผลไม้สด เช่น สตรอเบอรี่ ก็ได้

Sunny cake


ของหวานที่จะช่วยคลายร้อนในเดือนที่ร้อนที่สุด ซันนี่เค้ก เค้กเนื้อนุ่ม รสชาติเปรี้ยวอมหวาน สีสันสดใส เสิร์ฟแบบเย็นเจี๊ยบอร่อยถึงใจ เค้กนี้มีโยเกิร์ตเป็นส่วนผสมหลัก หวานมันด้วยครีมชีส เพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมด้วยส้มรสเปรี้ยว โรยหน้าด้วยผิวส้มอบกลิ่นสดชื่น
ส่วนผสม
• ครีมชีส 150 กรัม
• น้ำตาลทราย 100 กรัม
• ไข่แดง 2 ฟอง
• โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 250 กรัม
• น้ำส้ม 30 กรัม (2 ช้อนโต๊ะ)
• น้ำมะนาว 15 กรัม( 1 ช้อนโต๊ะ)
• แผ่นเจลาติน 4 แผ่น
• วิปปิ้งครีม 200 กรัม
• ส้มตกแต่งหน้า
• เค้กสปันสไลซ์บางประมาณ 1/2 เซนติเมตร
วิธีทำ
1. ใช้ฟิล์มใส(ใช้ห่ออาหาร)รองก้นพิมพ์กลมขนาด 2 ปอนด์ หั่นเนื้อส้มเป็นแว่นเรียงไว้ที่ก้นพิมพ์(ส่วนนี้ใช้ตกแต่งหน้าเค้ก) แล้วแช่เย็นในช่องแข็งไว้
2. นำครีมชีส น้ำตาลและไข่แดง ตีรวมกันจนเนื้อครีมเนียน
3. เติมโยเกิร์ตและน้ำส้ม น้ำมะนาว คนให้เข้ากัน พักไว้
4. แช่แผ่นเจลาตินในน้ำเย็นจนนิ่ม แบ่งวิปปิ้งครีมเล็กน้อยมาตั้งไฟให้อุ่น ใส่แผ่นเจลาตินลงคนให้ละลาย แล้วเทลงในส่วนผสมครีม เติมวิปปิ้งครีมที่เหลือให้หมด ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน
5. เทส่วนผสมใส่พิมพ์ที่เรียงส้มไว้ประมาณครึ่งหนึ่งของพิมพ์ ปาดให้เรียบแล้ววางเค้กสปัน จากนั้นจึงเทครีมที่เหลือจนหมด แล้ววางเค้กสปันทับอีกครั้ง นำไปแช่เย็นไว้ในช่องแข็งประมาณ 2 ชม.
6. แซะขอบพิมพ์ให้ทั่ว แล้วคว่ำพิมพ์ลงบนถาด เคาะพิมพ์เบาๆให้เค้กหลุดออกจากพิมพ์ จะได้เค้กหน้าส้มสวยงาม
สูตรเค้กสปัน
• แป้งเค้ก 3/4 ถ้วย
• ผงฟู 2 ช้อนชา
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
• นมผง 3 ช้อนโต๊ะ
• ไข่ไก่ทั้งฟอง 6 ฟอง
• เอสพี 1 ช้อนโต๊ะ
• กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
• เนยสดชนิดจืดละลาย 110 กรัม
วิธีทำ
1. ร่อนแป้ง เกลือ ผงฟู นมผงรวมกัน พักไว้ จากนั้นตีไข่ไก่กับเอสพีจนขึ้นฟู แล้วค่อยๆใส่ส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ทีละน้อยจนหมด ตีให้เข้ากัน ใส่เนยละลาย กลิ่นวานิลา ตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน
2. เทส่วนผสมใส่พิมพ์กลมขนาด 2 ปอนด์ (ทาเนยขาวให้ทั่วพิมพ์ โรยแป้งให้ทั่วแล้วเคาะออก) นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 15-20 นาที
3. นำออกจากเตา พักให้เย็นบนตะแกรง ใช้มีดปลายแหลมแซะรอบพิมพ์แล้วคว่ำพิมพ์ จากนั้นใช้มีดแบบเลื่อย สไลซ์เค้กให้เป็นแผ่นบางประมาณ 1/2 เซนติเมตร
H&C Tip
- ส้มที่ใช้ควรเป็นส้มซันคีสท์ สีเหลืองสวย รสเปรี้ยวอร่อย ถ้าไม่ชอบจะเปลี่ยนเป็นผลไม้อื่นก็ได้ เช่น สตรอเบอรี่ กีวี เป็นต้น
- สามารถใช้เค้กเนยแทนเค้กสปันได้ ปัจจุบันเค้กเนยมีขายในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป
- เอสพี คือ สารที่ช่วยให้เนื้อเค้กขึ้นฟูมากขึ้น หาซื้อได้ที่ร้านเบเกอรี่ทั่วไป

Strawberry Blast with Chocolate Crunch


ช็อกโกแลตนั้นจัดเป็นขนมวิเศษ มีทั้งสารคาเฟอีนแฝงอยู่นิดหน่อยพอให้กระปรี้กระเปร่า และมีสารแห่งความสุข "เอ็นดอร์ฟิน" ที่ช่วยให้อารมณ์ดี และล่าสุดพบว่าช็อกโกแลตช่วยต้านมะเร็งได้อีกด้วย วาเลนไทน์นี้ลองทำขนมแสนอร่อยเป็นของขวัญชิ้นพิเศษ จากฝีมือคุณเอง รับรองว่าผู้รับต้องประทับใจแน่นอนค่ะ
ส่วนผสม
• นมสด 4 ออนซ์
• สตรอเบอร์รี่สด 4 ลูก
• น้ำเชื่อมรสสตรอเบอร์รี่ (Torrani) 2 ออนซ์
• ช็อกโกแลตชิพ 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย
วิธีทำ
1. นำส่วนผสมทุกอย่างยกเว้นช็อกโกแลตชิพใส่ในโถปั่น แล้วปั่นให้เนียนละเอียด
2. ใส่ช็อกโกแลตลงปั่นแค่หยาบๆ
3. เทใส่แก้วตกแต่งด้วย สตรอเบอร์รี่ชุบช็อกโกแลต หรือช็อกโกแลตชิพให้สวยงาม