Tuesday, April 28, 2009

สูตรการต้มมาม่า สูตรมาม่า GMO


สูตรที่6 มาม่า GMO

Monday, April 27, 2009

สูตรการต้มมาม่า สูตรบร์เทนเดอร์รำลึก





สูตรที่5 บาร์เทนเดอร์รำลึก

Sunday, April 26, 2009

สูตรการต้มมาม่า สูตรไฮโซบ้านนอก



สูตรที่4 สูตรไฮโซบ้านนอก

Saturday, April 25, 2009

สูตรการต้มมาม่า สูตรยาจกพิโรธ





สูตรที่3 สูตรยาจกพิโรธ

Friday, April 24, 2009

สูตรการต้มมาม่า สูตร สามแม่ครัวร้อนรัก





สูตรที่2 สามแม่ครัวร้อนรัก

Thursday, April 23, 2009

สูตรการต้มมาม่า สูตรไข่แดงพิโรธ


สูตรที่1 ไข่แดงพิโรธ

Friday, April 17, 2009

ฮาวายเอี้ยนพั้นช์ ( Hawaiian punch)



ส่วนผสม (สำหรับ 15 คน)
สับปะรดลูกขนาดใหญ่ 1ผล
ส้มเขียวหวาน 1กก.
เสาวรส 6ผล
ไลท์ ชูการ์ 12ซอง
ขิงแก่ทุบ 30กรัม
น้ำสะอาด 2ถ้วย
น้ำแข็งทุบ 2ถ้วย
สีผสมอาหารสีแดง
ใบสะระแหน่

วิธีทำ
1. นำสับปะรดกับส้มเขียวหวานมาคั้นน้ำ ส่วนเสาวรสคั้นน้ำโดยใช้ผ้าขาวบางห่อและบีบเอาน้ำออก
2. เตรียมหม้อใส่น้ำสะอาด ใส่ไลท์ ชูการ์ นำไปต้มจนเดือด ใส่ขิง ต้มต่อประมาณ 5 นาที จากนั้นใส่สีแดงให้สี ออกแดงเรื่อๆ ยกลงเทใส่ผ้าขาวบางกรองเอากากขิงออก
3. เมื่อได้น้ำหวานแล้วให้ผสมกับน้ำผลไม้ที่คั้นไว้ในข้อ 1 เทใส่ลงภาชนะที่เป็นแก้ว เติมน้ำแข็ง ใส่สับปะรดหั่นชิ้นพอคำและใส่ใบสะระแหน่เล็กน้อย
ขอขอบคุณโหระพาดอทคอมสำหรับภาพประกอบ

Thursday, April 16, 2009

ฟรุตม็อกเทล

ส่วนผสม
แอปเปิ้ลแดง / เขียว อย่างละ1 ผล
ส้มซันคิสต์1 ผล
องุ่นแดง1 ถ้วย
กีวีฟรุ๊ต2 ผล
สับปะรด1/4 ผล
มะละกอ1 ถ้วย
น้ำแข็งเกล็ดตามชอบ

ส่วนผสมน้ำเชื่อม
น้ำส้มคั้น2 ถ้วย
น้ำตาลทราย1 ถ้วย
น้ำเปล่า1/2 ถ้วย
วิธีทำ
1. เตรียมน้ำเชื่อมโดยเคี่ยวน้ำตาลจนน้ำตาลละลายหมด พักไว้ให้อุ่นๆ
2. ใส่น้ำส้มคั้น คนให้เข้ากัน นำไปแช่ตู้เย็นไว้
3. หั่นผลไม้ทุกชนิดเป็นชิ้นพอคำ จัดใส่แก้ว ใส่น้ำเชื่อมที่ทำไว้เล็กน้อย นำไปแช่ตู้เย็นก่อนเสิร์ฟ
4. เมื่อจะเสิร์ฟจึงนำออกจากตู้เย็น เรียงใส่ถาด แล้วตักน้ำแข็งใส่ รับประทานได้เลยจำนวนรับประทาน 10 แก้ว
เคล็ดลับ- ม็อกเทล (Mocktail) คือชื่อเรียกเครื่องดื่มผสมน้ำผลไม้ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ควรเลือกใช้ผลไม้สด เพราะมีวิตามินซีและเส้นใยสูง ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื่นและระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ- ถ้าอยากเสิร์ฟแอลกอฮอล์ในงานปาร์ตี้อาจจะเติมเหล้าวอดก้าเล็กน้อยลงในม็อกเทลสูตรนี้ ก็จะได้เครื่องดื่มค็อกเทลสำหรับงานเลี้ยงแบบง่ายแล้ว

ขอขอบคุณโหระพาดอทคอมสำหรับภาพประกอบ

Wednesday, April 15, 2009

พั้นช์น้ำขิง

ขิงมีสรรพคุณทางสมุนไพร ในด้านช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียนได้และยังช่วย ลดความดันโลหิตได้อีกด้วย
ส่วนผสม (สำหรับ 6 คน)

ขิงแก่ทุบให้แตก3แง่ง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวงกับอีก2 ช้อนโต๊ะ
น้ำ3/4ถ้วยตวง
เกลือ1/8 ช้อนชา
สีแดง (สีผสมอาหาร)1/4 ช้อนชา
น้ำมะนาว1/3ถ้วยตวง
น้ำสับปะรด1 ถ้วยตวง
เหล้าหรือไวน์ขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำโซดา1 ถ้วยตวง
ขิงอ่อนหั่นฝอย1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็งพอควร
วิธีทำ
1. ต้มขิง น้ำตาลและน้ำในหม้อปิดฝาให้เดือดประมาณ 5 - 6 นาที กรองเอากากออก
2. ใส่เกลือและสี (หยดสีพอให้ได้สีชมพูอ่อนๆ) ลงในน้ำเชื่อม พักไว้จนเย็น
3. เมื่อน้ำเชื่อมเย็นแล้ว ใส่น้ำมะนาวและน้ำสับปะรดแช่เย็นไว้
4. เมื่อจะเสิร์ฟจึงใส่โซดาและเหล้า ลอยหน้าด้วยขิงหั่นฝอย ใส่น้ำแข็งให้เย็นจัดดีเสียก่อนจึงตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ

Tuesday, April 14, 2009

น้ำแอปเปิ้ล-ซินนามอนร้อน

ส่วนผสม
น้ำแอปเปิ้ลสกัดสดทั้งเปลือก1 ถ้วยตวง
น้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้ง1-2 ช้อนโต๊ะ
อบเชยเทศ1 ก้าน
กานพลู3 ดอก
มะนาวฝานบาง2-3 แว่น
เนยสดรสจืด1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ผสมน้ำแอปเปิ้ลประมาณครึ่งถ้วยตวง กับน้ำเชื่อมข้าวโพด (หรือน้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม) ใส่ภาชนะเคลือบหรือแก้วทนไฟก้นลึก ตั้งไฟอ่อนพอให้อุ่นจัด ๆ
2. นำอบเชย กานพลู และมะนาวฝานมัดเป็นถุงเล็ก ๆ ใส่ตามลงไป ระวังอย่าให้เดือด หมั่นคนต่ออีกประมาณ 10 นาที
3. ปิดท้ายด้วยเนยสดรสจืดเล็กน้อยพอหอม
4. เทน้ำแอปเปิ้ลที่เหลือตามลงไป ตั้งไฟต่อพอให้ร้อนจัดแล้วยกลง
5. คีบถุงอบเชย กานพลู และมะนาวออก เสริ์ฟร้อน ๆ ทันที
ชินนามอน หรืออบเชยเทศ เป็นเครื่องเทศฤทธิ์ร้อน มีสรรพคุณด้านบำรุงหัวใจ บรรเทาอาการอ่อนเพลีย ช่วยให้สดชื่นและกระปรี้กระเปร่า ไล่ลม กานพลู มีฤทธิ์ร้อน ช่วยขับลม บำรุงธาตุ บรรเทาจุกเสียด ถ้าต้องการคุณค่าด้านนี้โดยตรง ให้ใช้กานพลูแห้งประมาณ 7-8 ดอกชงกับน้ำร้อนดื่ม หรือใช้กานพลูแห้ง 2-3 ดอก แช่ไว้ในกระติกน้ำร้อนสำหรับชงนมให้เด็กอ่อน จะช่วยให้ทารกสบายท้อง หากปลูกกานพลูไว้เก็บดอกใช้เอง ควรเก็บดอกตูมที่กำลังเปลี่ยนสีจากเขียวเป็นแดง ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกุมภาพันธ์

Monday, April 13, 2009

น้ำแอปเปิ้ล-ขิงสด


ส่วนผสม 1. น้ำแอปเปิ้ลสกัดสดประมาณ 4-5 ถ้วยตวง
2. ขิงสดปอกเปลือก ขูดด้วยที่ขูดตาใหญ่ 2 ช้อนโต๊ะพูน ๆ
วิธีทำ
1. รินน้ำแอปเปิ้ลลงในเหยือกแก้ว หรือเหยือกกระเบื้องเคลือบผสมขิงสดลงไป ใช้ช้อนไม้หรือทัพพีไม้คนให้เข้ากันดี
2. ปิดเหยือกด้วยฝาหรือพลาสติกใสให้เรียบร้อย นำเข้าตู้เย็นทิ้งไว้ 1 คืน
3. นำส่วนผสมแอปเปิ้ล-ขิงออกมา กรองเอาเนื้อขิงออกทิ้ง จะได้เครื่องดื่มกลิ่นหอม รสหวานอ่อน ๆ ตามธรรมชาติ เสริ์ฟโดยไม่ใช้น้ำแข็ง หรือแต่งด้วยยอดผักชีฝรั่ง ขิงช่วยระบบการย่อยอาหารให้ทำงานเป็นปกติ บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด ขับลม และระงับการเกิดแผลในกระเพาะอาหารอีกด้วย

Sunday, April 12, 2009

น้ำส้มสตรอเบอร์รี่ปั่น


น้ำส้มสตรอเบอร์รี่ปั่นน้ำส้มคั้น 3/4 ถ้วย
สตรอเบอร์รี่สดหั่นแช่เย็นจัด 1/3 ถ้วย
กล้วยหอมสุก (200กรัม) หั่นแช่เย็นจัด 1/2 ผล
สตรอเบอร์รี่และส้มหั่นแว่นสำหรับตกแต่ง
วิธีทำ- ปั่นน้ำส้ม สตรอเบอร์รี่และกล้วย จนละเอียดเข้ากันดี- เทใส่แก้ว ตกแต่งด้วยสตรอเบอร์รี่และ
ขอขอบคุณ ภาพประกอบจากโหระพาดอทคอมด้วยครับ

Saturday, April 11, 2009

บลูออเร้นจ์



บลูออเร้นจ์บลูเบอร์รี่สด 1/3 ถ้วยส้ม (ผลละ 270 กรัม) แกะกลีบ 2 ผลน้ำเชื่อมปริมาณตามชอบส้มแกะกลีบสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ- ใส่บลูเบอร์รี่ลงในเครื่องปั่น ตามด้วยส้ม ปั่นเข้าด้วยกันจนเนียน ชิมดู- ถ้าไม่หวานสามารถเติมน้ำเชื่อม คนพอเข้ากัน เทใส่แก้วน้ำแข็ง ตกแต่งด้วยกลีบส้ม
ขอขอบคุณภาพจากโหระพาดอทคอม ด้วยครับ

Friday, April 10, 2009

น้ำส้มคั้น

น้ำส้มคั้นเป็นเครื่องดื่มแห่งมื้อเช้า ก็คงด้วยรสเปรี้ยวหวานนั่นเอง ซึ่งเป็นเครื่องบ่งบอกว่าส้มอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งนอกจากช่วยป้องกันโรคลักปิดลักเปิดแล้ว ยังเป็นแอนติออกซิแด้นท์ป้องกันมะเร็งหลายชนิดน้ำส้มที่กล่าวถึงในที่นี้เป็นน้ำส้ม orange เท่านั้น โดยใช้ประเภทส้มหวาน (sweet orange) พันธุ์วาเลนเซียและพันธุ์นาเวิล ซึ่งมีขายทั่วไปตามซุปเปอร์มาเกต ส้มมีถิ่นฐานเดิมจากประเทศจีน แล้วจึงแพร่ไปในอินเดีย ตะวันออกกลาง เมดิเตอร์เรเนียนและยุโรป ส้มมีวิตามินซีสูงกว่าส้มเขียวหวานเล็กน้อย รสชาติหวานอมเปรี้ยวซึ่งแตกต่างจากส้มเขียวหวาน ใครอยากเปลี่ยนรสชาติบ้างก็น่าจะลองดื่มน้ำส้ม orange คั้นสดๆดู หรือจะผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆก็ไม่เลว
น้ำส้มคั้นส้ม (ผลละ 270 กรัม) 2 ผลน้ำแข็งชนิดก้อนส้มหั่นชิ้นสำหรับตกแต่ง
วิธีทำ- ล้างส้มให้สะอาดแล้วลวกผลส้มด้วยน้ำร้อนจัดประมาณ 5 นาที- นำมาคั้นน้ำ แล้วเทใส่แก้วน้ำแข็ง ตกแต่งด้วยส้มหั่นชิ้น

Thursday, April 9, 2009

น้ำเสาวรส


"เสาวรส" หรือที่บางคนเรียกว่า กะทกรกฝรั่ง หรือจะเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Passion Fruit นั้น เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่แถวๆ ทวีปอเมริกา แต่ก็เติบโตได้ดีในประเทศไทย ผลมีลักษณะต่างกันไปตามพันธุ์ มีทั้งรูปกลม รูปไข่ แต่สำหรับเนื้อภายใน ก็มีหน้าตาคล้ายทับทิมบ้านเรานี่เอง ชาติของเสาวรสนี้ก็ออกเปรี้ยว คนจึงนิยมนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม ทั้งเป็นน้ำเสาวรสคั้นสด หรือเอามาผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆ อย่างน้ำส้ม สัปปะรด หรือแอปเปิ้ลก็ได้ และด้วยความเปรี้ยวนี้เองทำให้เสาวรสอุดมไปด้วยวิตามินซี ใครที่เป็นหวัดเจ็บคออยู่ก็จิบน้ำเสาวรสเข้าไปก็จะช่วยบรรเทาอาการได้ หรือใครที่ยังไม่เป็นหวัด วิตามินซีในเสาวรสก็จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้อีกต่างหาก และนอกจากวิตามินซีแล้ว เสาวรสก็ยังมีวิตามินเอ โดยเฉพาะสารแคโรทีนอยด์ จึงช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่งได้ด้วย ประโยชน์ของเสาวรสยังไม่หมดแค่นั้น เพราะการดื่มน้ำเสาวรสเป็นประจำทุกวันก็ยังช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ และรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้อีกต่างหาก ส่วนการบริโภคนั้นนอกจากจะดื่มเป็นน้ำผลไม้แล้ว ถ้าอยากจะกินผลสดๆ เลยก็สามารถทำได้เช่นกัน
ส่วนผสม
เสาวรส8 ลูก
น้ำตาลทราย1/2 ถ้วยตวง
เกลือป่น1 ช้อนชา
น้ำสะอาด1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. ล้างเปลือกเสาวรสให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ใส่น้ำตาลทราย และน้ำสะอาดลงในหม้อ ตั้งไฟพอเดือด คนให้น้ำตาลละลายทั่วกัน ตั้งไฟอ่อนต่อไปอีก ประมาณ 3 นาที ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น
3. ผ่าเสาวรส แล้วเทเนื้อลงเครื่องปั่น เติมเกลือป่น ปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันหมายเหตุเนื่องจากเสาวรสรสมีรสเปรี้ยว เวลาเสิร์ฟจึงต้อง ใส่น้ำเชื่อมลงคน ให้เข้ากัน ก่อนใส่น้ำ

Wednesday, April 8, 2009

น้ำมะม่วงปั่น


ส่วนผสม
มะม่วงสุก (เฉพาะเนื้อ)100 กรัม
น้ำเชื่อมใส1/2 ถ้วยตวง
นมสด1/2 ถ้วยตวง
น้ำมะนาว1/4 ช้อนชา
น้ำแข็งเกล็ด1 ถ้วยตวง
ใบสะระแหน่สำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
1. ผสมเนื้อมะม่วง น้ำเชื่อม นมสด น้ำมะนาวและน้ำแข็ง ลงในโถปั่น
2. ปั่นส่วนผสมทั้งหมดจนน้ำแข็งละเอียด
3. เสิร์ฟใส่แก้วพร้อมหลอด ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่

Tuesday, April 7, 2009

น้ำมะเขือเทศ


มะเขือเทศ เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก เพราะอุดมด้วยสารเบต้าคาโรทีน และสารไลโคปินซึ่งสารไลโคปินได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งของต่อมลูกหมากได้ดี
ส่วนผสม
มะเขือเทศชนิดใดก็ได้ 200 กรัม
น้ำมะนาว 1ช้อนโต๊ะ
สับปะรด 1/4ผล
น้ำผึ้ง 2ช้อนโต๊ะ
ขิงแก่ 10กรัม
วิธีทำ
1. ล้างมะเขือเทศให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก คั้นโดยเครื่องแยกกากโดยใส่สับปะรด และขิงลงคั้นไปพร้อมกัน
2. ผสมน้ำที่ได้จากการคั้นกับน้ำผึ้ง น้ำมะนาว ควรดื่มทันทีเพื่อให้ได้รับคุณค่าทางโภชนาการเต็มที่

Monday, April 6, 2009

น้ำใบบัวบก

ส่วนผสม
ใบบัวบก
1 กิโลกรัม
น้ำตาลทรายแดง
750 กรัม
เกลือ
1 ช้อนชา
น้ำเปล่า
5 ลิตร (20 ถ้วยตวง)วิธีทำ1. นำทุกอย่างปั่นรวมกัน ตั้งไฟอ่อน ทิ้งไว้ให้เย็น2. กรอง 1-2 ครั้ง 3. นำแช่ไว้ในตู้เย็นดื่มได้ทุกวัน

Sunday, April 5, 2009

น้ำใบเตย

ส่วนผสม
1. ใบเตย 5 กรัม (1 ใบ)
2. น้ำเชื่อม 15 กรัม (1 ช้อนคาว)
3. น้ำเปล่าต้มสุก 240 กรัม (16 ช้อนคาว)
วิธีทำ
1. นำใบเตยสดมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อน ๆ ใส่หม้อต้มด้วยน้ำสะอาด
2. พอเดือดก็ลดไฟลง เคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนมองเห็นสีของใบเตยเขียวอ่อนเจือจาง
3. ตักใบเตยออกด้วยการกรองเหลือแต่น้ำใบเตย
4. เอาเกลือป่นใส่ครึ่งช้อนชา ตามด้วยน้ำเชื่อม
5. ปล่อยให้เดือดต่อไปอีก 5 นาที ยกลง ชิมรสตามใจชอบอีกวิธีหนึ่ง เอาใบเตยมาล้างให้สะอาด ตากแดดให้แห้ง เอาไปคั่ว แล้วเก็บใส่ขวดหรือกระป๋องแบบใบชา ก็จะได้ "ชาเตยหอม" เมื่อต้องการดื่มก็เอามาชงแบบชงน้ำชา กลิ่มหอมชวนดื่มราคาถูก ดื่มแล้วชื่นใจจริง ๆ ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับคุณค่าทางอาหาร ใช้แต่งสีอาหาร เพิ่มกลิ่นหอมให้อาหารคุณค่าทางยา ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยลดอาการกระหายน้ำทำให้ชุ่ม

Saturday, April 4, 2009

น้ำฟักทอง

เมล็ดฟักทองมีสารชื่อ คิวเคอร์บิติน (cucurbitine) มีฤทธิ์ฆ่าพยาธิตัวตืดได้
เตรียมได้จากเมล็ดฟักทองประมาณ 60 กรัม ทุบให้แตก ผสมกับน้ำตาล นม และน้ำเติมลงไปจนได้ประมาณ 500 มิลลิลิตร แบ่งรับประทาน 3 ครั้ง ห่างกันทุก 2 ชั่วโมง หลังจากให้ยาแล้วประมาณ 2 ชั่วโมงให้รับประทานยาระบายน้ำมันละหุ่ง 2 ช้อนโต๊ะ
ส่วนเนื้อฟักทองมีแป้งและน้ำตาลประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ เส้นใย 1 เปอร์เซ็นต์ และมีวิตามินซีในปริมาณสูง นอกจากนั้นยังมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณที่สูงมากเช่นกัน
ฟักทองเป็นพืชตระกูลมะระ จัดเป็นไม้เถาขนาดใหญ่ เลื้อยตามดิน ยาว 5-12 เมตร เถา ก้านใบ แผ่นใบ ก้านดอก กลีบเลี้ยง และผลอ่อนมีขนยาว ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว เว้าเป็นหยัก ดอกเดี่ยว ดอกตัวผู้กับตัวเมีย แยกกันแต่อยู่ในเถาเดียวกัน ผิวผลเมื่อยังอ่อนออกสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีเขียวสลับเหลือง ผิวขรุขระ เปลือกแข็ง เนื้อในสีเหลือง ไส้เส้นใยสีเหลืองนิ่ม มีเมล็ดสีขาวแบน ๆ ติดอยู่จำนวนมาก
แนะนำส่วนผสมของน้ำฟักทองฟักทองนึ่งสุก 1 ถ้วย น้ำสะอาด 3 ถ้วย น้ำตาลทราย 100 กรัม หรือน้ำเชื่อม 1 ถ้วยตวง เกลือป่น
วิธีทำปอกเปลือกฟักทอง นึ่งให้สุก ใส่เครื่องปั่นเติมน้ำ ปั่นให้ละเอียด เทใส่ภาชนะนำไปตั้งไฟ เติมน้ำตาลทราย เกลือป่น ชิมรสตามใจชอบ กรองด้วยผ้าขาวบางใส่หม้อตั้งไฟพอเดือด ยกลง จะได้น้ำฟักทองสีเหลือง มีรสหวานมัน เทใส่ขวด นำไปแช่เย็น หรือนำฟักทองไปนึ่งให้สุก แล้วนำมาใส่เครื่องปั่น เติมน้ำ แล้วปั่นให้ละเอียด นำไปตั้งไฟต้มจนเดือด เติมน้ำเชื่อม และเกลือลงไป ชิมรส เมื่อได้รสชาติตามชอบแล้วยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง เราก็จะได้น้ำฟักทองสีเหลืองน่ารับประทาน
คุณค่าทางโภชนาการเนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูงมาก มีฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง สารสีเหลืองและโปรตีน ใบอ่อน มีวิตามินเอสูงเท่ากับเนื้อฟักทอง มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในเนื้อ ดอก มีวิตามินเอ ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีวิตามินซีเล็กน้อย เมล็ด มีน้ำมัน แป้ง ฟอสฟอรัส โปรตีนและวิตามิน
สรรพคุณเมล็ด ขับพยาธิตัวตืด ขับปัสสาวะ และบำรุงร่างกาย ราก บำรุงร่างกาย แก้ไอ ถอนพิษของฝิ่น น้ำมันจากเมล็ด บำรุงประสาท เยื่อกลางผล พอกแก้ฟกช้ำ แก้ปวดอักเสบ
ในทางโหราศาสตร์ได้จัดแบ่งราศีเกิดของคนเราตามการหมุนของดวงอาทิตย์ไว้ 12 ราศี แต่ละราศีจะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของแต่ละคน และมีผลต่อร่างกายของคนเรา ซึ่งประกอบไปด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ บุคคลแต่ละคนจะมีธาตุหนึ่งธาตุใดในร่างกายเด่นชัดออกมา และจะแสดงออกเป็นบุคลิก นิสิยใจคอ อารมณ์ รวมทั้งพฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลได้ธาตุดิน ได้แก่ผู้ที่เกิดราศีพฤษภ ราศีกันย์ และราศีธนู มักจะชอบดื่มน้ำผักและผลไม้ที่มีรสฝาด รสหวาน รสมัน และรสเค็มรสฝาด เช่น น้ำฝรั่ง น้ำมะตูม น้ำกระท้อน น้ำมะกอก น้ำมะขามป้อม น้ำลูกหว้า รสหวาน เช่น น้ำแตงโม น้ำมะละกอ น้ำกล้วยหอม น้ำขนุน น้ำเงาะ น้ำน้อยหน่า น้ำละมุดฝรั่ง น้ำลำใย น้ำอ้อย รสมัน เช่น น้ำกระจับ น้ำข้าวโพด น้ำฟักทอง น้ำแห้ว รสเค็ม เช่น เกลือ
ปัจจุบันกระแสนิยมน้ำสมุนไพร ซึ่งเป็นน้ำดื่มที่ได้จากการใช้ส่วนประกอบต่างๆ ของพืช เช่น ผลไม้ หรือ ธัญพืชต่างๆ นำมาแปรรูปให้เหมาะสมตามฤดูกาล การเตรียมน้ำสมุนไพรไว้ดื่มเองนั้น ราคาจะย่อมเยา สะอาด ปราศจากสารพิษรสชาติจะถูกปากของแต่ละบุคคล นอกจากนี้คุณค่าและประโยชน์ของน้ำสมุนไพรยังเชื่อว่ามีมากมายหลายประการ โดยเฉพาะน้ำสมุนไพรให้คุณค่าและประโยชน์ต่อร่างกายโดยตรง มีผลต่อระบบการย่อยอาหาร เจริญอาหาร ให้พลังงาน ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ร่างกายกระชุ่มกระชวย และอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และยังช่วยบำรุงเส้นผม ช่วยควบคุมไขมันส่วนที่เกิดจากการบริโภคเนื้อสัตว์ ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสารอาหารในน้ำสมุนไพรช่วยควบคุมระบบการทำงานของร่างกายทำให้สารอาหารชนิดอื่นได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ควรเลือกสมุนไพรสด เลือกที่สดๆ เก็บจากต้นใหม่ๆ ตามฤดูกาล สีสรรเป็นธรรมชาติตามชนิดของสมุนไพร ไม่มีรอยช้ำเน่าเสีย ความสดทำให้มีรสชาติดี มีคุณค่ามากกว่า หากใช้สมุนไพรแห้ง การซื้อควรดูที่ความสะอาด สีสรรไม่คล้ำมาก เช่น กระเจี๊ยบแห้ง ควรมีสีแดงคล้ำแต่ไม่ดำ มะตูมแห้งควรมีสีน้ำตาลออกแดง จะต้องไม่มีกลิ่นของปัสสาวะ หรือ อุจจาระสัตว์ เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้รูป กลิ่น สี ของน้ำสมุนไพรเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม น้ำสมุนไพรบางชนิดดื่มลำบากในช่วงแรก อาจทำให้รู้สึกอึดอัด เนื่องจากรสชาติไม่ค่อยตรงกับรสนิยมของผู้ดื่ม วิธการดื่มที่ดี ควรดื่มแบบจิบช้าๆ และควรดื่มทันทีที่ปรุงเสร็จ เพื่อให้ได้คุณค่าทางอาหารและยามากกว่าปล่อยทิ้งไว้นานแล้วดื่ม เพราะทำให้คุณค่าลดลง นอกจากนี้การดื่มน้ำสมุนไพรชนิดเดียวกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการสะสมสารบางชนิดที่มีฤทธิ์ต่อร่างกาย และพบว่าการดื่มน้ำสมุนไพรร้อนๆ ที่มีอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสขึ้นไปทำให้เยื่อบุผิวหลอดอาหารเสียสภาพภูมิคุ้มกันเฉพาะที่ และอาจทำให้มีการดูดซึมสารก่อมะเร็งหรือจุลินทรีย์ปนเปื้อนได้ง่าย

Friday, April 3, 2009

น้ำมะพร้าว


มะพร้าว เป็นพืชยืนต้น ลำต้นกลมตรงและสูง มีใบย่อม จำนวนมากติดกับทางมะพร้าวเป็นใบขนาดใหญ่ ออกดอกเป็นช่อขนาดใหญ่ มีกาบหรือใบประดับหุ้ม เวลาดอกบาน กาบหุ้มก็จะหลุดออก ดอกมีสีเหลืองอมขาว เมื่อดอกตัวผู้บานจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกย่อยจะรวมกันเป็นช่อใหญ่ เมื่อติดผลรวมเรียกว่า ทะลาย มะพร้าวเป็นพืชตระกูลเดียวกับ หมาก ตาล
ส่วนผสม
มะพร้าวอ่อน 1 ผล
น้ำต้มสุก 1 ถ้วยตวง
น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วยตวง
วิธีทำ นำมะพร้าวมาปอกเปลือก ใช้มีดเฉาะกะลาตรงส่วนหัวออก เทเอาน้ำข้างในเก็บไว้ แล้วผ่าซีกตักเอาแต่เนื้อออก นำเนื้อมะพร้าวใส่เครื่องปั่น เติมน้ำมะพร้าวที่เก็บไว้ เติมน้ำต้มสุก น้ำเชื่อม ปั่นให้ละเอียด ชิมรสตามชอบ จะได้น้ำมะพร้าวปรุงรส หวาน มัน หอมเย็นชื่นใจ เวลาดื่มใส่น้ำแข็งจะทำให้รู้สึกสดชื่นหอมหวานอร่อย ประโยชน์และคุณค่าทางสมุนไพร - เนื้อมะพร้าว มีน้ำมันร้อยละ 65 มีฟอสสฟอรัส คัลเซียม คาร์โบไฮเดรต มีกรดไขมันหลายชนิดที่อิ่มตัว ถ้าทิ้งไว้นานจะมีกลิ่นหืน- น้ำมะพร้าว ใช้ดื่มเป็นยาถอนพิษเบื่อเเมา ในหญิงมีครรภ์ดื่มน้ำมะพร้าวจะช่วยให้เด็กแข็งแรง เพราะมีโปรตีน น้ำตาล คัลเซียม โซเดียม โปรตัสเซียมสูง- ช่อดอก สามารถนำมาทำเป็นน้ำตาลมะพร้าวว ใช้ปรุงอาหาร ทำเนยเทียม สบู่ เทียน - ใยมะพร้าว ใช้ทำพรมเช็ดเท้า ทำที่นอน

Thursday, April 2, 2009

น้ำว่านหางจระเข้เย็น

ส่วนผสม
1. เนื้อว่านหางจระเข้ประมาณ 1 ถ้วยตวง (250 กรัม)
2. น้ำสะอาด 3 ถ้วยตวง
3. ใบเตยสด 2-3 ใบ
4. น้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ให้เลือกใบขนาดใหญ่ที่อยู่ส่วนล่าง ๆ ของกอว่านสัก 1 ใบมาใช้ก่อน เพราะจะให้วุ้นมากกว่าใบเล็ก ปอกเปลือกสีเขียวออก ล้างให้หมดยาง แล้วนำลงภาชนะเคลือบหรือแก้วทนไฟ
2. เติมน้ำสะอาดประมาณ 3 ถ้วยตวง นำขึ้นต้มด้วยความร้อนปานกลาง
3. ระหว่างรอวุ้นสุก นำใบเตยสดประมาณ 2-3 ใบ มาซอยละเอียดแล้วคั้นด้วยน้ำอุ่นจัด ๆ ให้ได้น้ำใบเตยสดประมาณครึ่งถ้วยตวง
4. เมื่อวุ้นว่านหางจระเข้สุกแล้ว ยกลงตักเฉพาะวุ้นมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำลงเครื่องปั่นพร้อมน้ำใบเตยสด น้ำสุกครึ่งถ้วยตวง และน้ำแข็งเกล็ดประมาณครึ่งถ้วยตวง อาจเติมน้ำเชื่อมสัก 1 ช้อนโต๊ะ 5. ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน เสิร์ฟทันที ว่านหางจระเข้มีน้ำยางที่ทำให้สตรีมีครรภ์ สตรีที่อยู่ระหว่างมีรอบเดือน ผู้ที่เป็นริดสีดวง เกิดอาการแพ้ได้

Wednesday, April 1, 2009

น้ำมังคุด


มังคุดมีวิตามินซี และช่วยแก้อาการคลื่นไส้ได้ ในช่วงที่มีมังคุดมากและราคาถูก ลองเปลี่ยนมาทำน้ำมังคุดไว้ดื่มให้ชื่นใจดูดีมั้ยคะ
ส่วนผสม
เนื้อมังคุด 2 ถ้วย
น้ำเปล่า 3 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
เกลือป่น1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ปอกเปลือกมังคุด และแคะเอาแต่เนื้อ
2. นำไปต้มกับน้ำเปล่า แล้วมากรองเอาเมล็ดออก ผสมน้ำตาลทราย เกลือป่น ตั้งไฟให้เดือดอีกครั้งและยกลง
3. สามารถเสิร์ฟกับน้ำแข็ง หรือแช่ให้เย็นก่อนแล้วนำมาปั่นกับน้ำแข็งแล้วเสิร์ฟก็ได้ค่ะ