Saturday, November 22, 2008

ไข่กระทะ


ไข่กระทะ

สูตรของร้านคุณพรทิพย์ ซอยเฉยพ่วง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

อุปกรณ์
เตาแก๊ซ
กระทะธรรมดาและกระทะเล็กขนาดปากกว้า 6 นิ้ว
คีมคบ
มีด
เขียง
ผ้าสำหรับจับกันความร้อน
ฝาสำหรับปิดกระทะ
ถาดขนาดเล็ก
วัตถุดิบที่ใช้หลักๆ
ไข่ไก่
หมูยอ
หมูสับ
แฮม
ไส้กรอก
กุนเชียง
เนยสด
ต้นหอม
น้ำมันพืช
พริกไทยป่น
ซอสมะเขือเทศ
ซอสปรุงรส

วิธีทำ

เริ่มจากเตรียมของหลักๆ ให้พร้อมก่อน โดยนำกระทะตั้งไฟให้พอร้อน ใส่เนยและน้ำมันพืชนิดหน่อย ใส่หมูสับลงไปรวนให้สุก ปรุงรสตามชอบ ตักขึ้นตั้งพักไว้, นำหมูยอ, กุนเชียง และไส้กรอก ลงทอดในน้ำมันน้อยๆ พอให้สุกผิวตึง ตั้งพักไว้สักครู่ นำมาหั่นเฉียงเป็นชิ้นขนาดพอสวยงาม ใส่ภาชนะพักไว้, ต้นหอม ล้างสะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็ก แฮมหั่นเป็นเส้น ๆ เตรียมไว้

เมื่อต้องการจะทำเป็น “ไข่กระทะ” ก็นำกระทะขนาดเล็กตั้งบนเตาแก๊ส ใช้ความร้อนปานกลาง พอกระทะร้อนตักเนยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะใส่ลงไป พอเนยละลายใช้ช้อนช่วยเกลี่ยเนยให้ทั่วกระทะ จากนั้นตอกไข่ไก่ 2 ฟองลงไปในกระทะที่ร้อนพอประมาณ ใช้คีมคีบจับหูกระทะเทละเลงไข่ไก่ให้ทั่วกระทะ นำหมูสับที่รวนสุกเตรียมไว้แล้วใส่ตามลงไป ตามด้วยหมูยอ, กุนเชียง และไส้กรอกที่เตรียมไว้ อย่างละพอเหมาะสม

ใช้ช้อนกดให้วัตถุดิบทั้งหมดจมลงไปในไข่เล็กน้อย ปิดฝากระทะอบทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที หรือให้ไข่สุกตามความต้องการ เสร็จแล้วก็โรยหน้าด้วยแฮม, ต้นหอม และพริกไทย เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมจะเสิร์ฟกับซอสต่างๆ และขนมปังปิ้ง

หากจะทำขาย สามารถขายได้ในราคา 25 บาท

Friday, November 21, 2008

ข้าวอบชีส

ข้าวอบชีส

ส่วนผสม
ข้าวกล้องหุงสุก 1 ถ้วย
ลูกเดือยต้มสุก 2 ถ้วย
ผักขม 100 กรัม
เนยสด 3 ช้อนโต๊ะ
ชีส 200 กรัม
นมสด 1 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
แป้งสาลี 2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. หั่นผักขมหยาบๆ ลวกผ่านน้ำเย็น บีบน้ำออกพักไว้
2. แบ่งชีสเป็น 2 ส่วน หั่นหยาบ
3. ตั้งกระทะไฟอ่อนในเนยสด พอเนยสดละลาย โรยแป้งสาลีให้ทั่วกระทะ ผัดแป้งให้เข้ากับเนย เติมนมสด เกลือป่น คนให้เข้ากัน จะได้ซอสขาวใส่ชีส 1 ส่วน คนให้เข้ากัน
4. ใส่ข้าวกล้อง ลูกเดือย ผักขม ผัดให้เข้ากัน ตักใส่ชามทนไฟ เกลี่ยให้เสมอ โรยหน้าด้วยชีสส่วนที่เหลือ
5. นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 10-15 นาที หรือจนชีสละลายเป็นสีเหลืองทอง นำออกเสิร์ฟทันที

Thursday, November 20, 2008

ข้าวหมูแดง


ข้าวหมูแดง

ส่วนผสม
หมูเนื้อแดงติดมันเล็กน้อย 500 กรัม
ผงหมูแดงปรุงสำเร็จ 1 ซอง
น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมตัดสั้น 5 ต้น
แตงกวาปอกเปลือกหั่นเป็นแว่น
ผักชีเด็ดเป็นช่อ 1/4 ถ้วย
ไข่ไก่ต้มสุก 3 ฟอง
ข้าวสวย 5 ถ้วย

ส่วนผสมน้ำหมูแดง
กระดูกสำหรับต้มน้ำซุป 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง 4 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่วให้หอม 1/2 ถ้วย
แป้งมันละลายน้ำ 1/4 ถ้วย

เครื่องปรุง
ซีอิ๊วดำ พริกชี้ฟ้าดองน้ำส้ม

วิธีทำ
1. ล้างเนื้อหมูแดงให้สะอาด หมักกับผงปรุงรสหมูแดง กระเทียม น้ำผึ้ง น้ำมันงา เหล้าจีน คนส่วนผสมน้ำหมักให้เข้ากัน หมักหมูทิ้งไว้ประมาณ 30 - 45 นาที
2. นำหมูที่หมักไว้แล้วไปย่างด้วยไฟกลาง ขณะย่างพรมด้วยน้ำหมักหมูไปด้วย ย่างพอให้ข้างในสุกฉ่ำน้ำ ผิวนอกพอเกรียมสวย พักไว้
3. ปอกเปลือกไข่ต้มให้สะอาด ล้างน้ำอีกครั้ง ผ่าเป็น 4 ส่วนด้วยด้ายขึงตึง
4. ล้างกระดูกให้สะอาด ใส่หม้อน้ำแช่ไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง นำขึ้นตั้งไฟอ่อน พอเดือดเคี่ยวต่ออีกประมาณ 30 นาที จึงช้อนกระดูกออก
5. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายแดง ซอสมะเขือเทศ คนให้ส่วนผสมละลาย ชิมรสดูให้ออกหวาน เค็มตามชอบ
6. ละลายแป้งมันกับน้ำสะอาด เทลงขณะน้ำราดเดือดจัด คนให้น้ำราดออกข้นเหนียว ใส่น้ำมันงาลอยหน้าลงโรยงาคั่วคนให้เข้ากัน

เวลาเสิร์ฟ ตักข้าวสวยใส่จาน หั่นหมูแดงที่ย่างสุกวางบนข้าว ไข่ต้มผ่าซีก เรียงแตงกวาฝานลงด้านข้าง ราดหน้าด้วยน้ำหมูแดง โรยผักชีเด็ดเป็นช่อตกแต่งให้สวย เสิร์ฟพร้อมกับต้นหอมและซีอิ๊วดำ พริกน้ำส้ม

Wednesday, November 19, 2008

ข้าวผัดเนื้อเค็มแดดเดียว


ข้าวผัดเนื้อเค็มแดดเดียว
เครื่องปรุง: เนื้อเค็มแดดเดียวทอดจนหอม นำมาทุบพอคลายตัวแล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ กระเทียมกลีบเล็กทุบสับหยาบๆ พริกขี้หนูสวนบุบ น้ำมัน น้ำปลาดี เกลือ พริกไทยป่น ไข่ไก่ แตงกวา ผักชี ต้นหอม ข้าวหอมมะลิสุก(หุงเม็ดสวยๆ) และก้านคะน้าปอกเปลือกหั่นเป็นแว่นเล็กๆถ้าชอบ

วิธีทำ: ตั้งกระทะจนร้อน ใส่น้ำมันรอจนร้อนแล้วใส่กระเทียมสับ พริกขี้หนูบุบ และเนื้อเค็มฉีกลงผัดเข้าด้วยกันจนหอม ใส่ข้าวสวยตามลงไปผัดจนเข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือป่น พริกไทยป่น และน้ำปลาดี ตักใส่จานโรยหน้าด้วยยอดผักชีเด็ด ไข่ต้มสุกหั่นเป็นเสี้ยวๆ แนมด้วยแตงกวาหั่นแฉลบและต้นหอมตัดเขียวขาว รับประทานกับแกงจืดร้อนๆ เท่านี้ก็ได้อาหารจานง่ายๆหนึ่งจาน

บางคนชอบใส่ไข่และก้านคะน้าลวกแบบข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม ก็สามารถใส่ได้ตามใจชอบ โดยตอกไข่ลงไปผัดกับน้ำมันก่อนให้มีสีขาวเหลืองแล้วจึงผัดเครื่องปรุงอื่นๆตามลงไป ข้อสำคัญคืออย่าใช้ไฟแรงจัดเพราะพริกขี้หนูจะไหม้ดำ สีของข้าวผัดจะไม่

TIPS: เนื้อเค็มหากไม่มีเวลาทำเองก็ไม่แปลก แต่ต้องเลือกซื้อจากเจ้าที่มีฝีมือเท่านั้น จึงจะได้ข้าวผัดที่อร่อยสมใจ แนะนำให้ซื้อ”เนื้อเค็มแม่เล็ก” เป็นรถเข็นขายเฉพาะตอนกลางวันตรงปากตรอกไกรสีห์ บางลำพู เพราะเป็นเนื้อเค็มไม่ใส่สีและรสชาติดี เนื้อแบบติดมันนำมาทอดแล้วหอมฟุ้ง ได้รสชาติและกลิ่นอายของเนื้อเค็มกว่าเจ้าอื่น ใช้น้ำมันที่ทอดเนื้อเป็นน้ำมันผัดข้าวเลย ได้ทั้งความหอมและประหยัดดี

Tuesday, November 18, 2008

ข้าวต้มปลาผักกาดดอง


ข้าวต้มปลาผักกาดดอง
ส่วนผสม
ข้าวสวย 1 1/2 ถ้วย
ผักกาดดองหั่นบาง 3/4 ถ้วย
เนื้อปลาเก๋า ปลากะพง หรือปลาอินทรี หั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ขึ้นฉ่ายหั่นเป็นชิ้นยาว 2 ต้น
น้ำสต๊อกประมาณ 2 1/2 ถ้วย
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่นเล็กน้อย
วิธีทำ
ต้มน้ำสต็อกให้เดือดใส่ผักกาดดองลงต้ม ไฟไม่ต้องแรง เดือดสักครู่ใส่ข้าวที่หุงไว้ ต้มจนข้าวเริ่มบาน และผักกาดดองนิ่ม ใส่เนื้อปลา ไม่ต้องคนรอจนเดือดก่อน ใส่ซีอิ๊วขาว ต้มจนปลาสุก ก่อนยกขึ้นใส่ขึ้นฉ่าย โรยพริกไทยป่น รับประทานร้อนๆ

เคล็ดลับ
- เมื่อนำข้าวสวยมาหุงเป็นข้าวต้มน้ำซุปจะไม่ขุ่น แต่จะหุงข้าวต้มด้วยวิธีปกติก็ได้น้ำซุปจะขุ่นเล็กน้อย
- ผักกาดดองนี้เป็นชนิดไม่มีใบจะซื้อชนิดกระป๋องหรือที่ดองตามตลาดของจีนก็ได้ ไม่ต้องแช่น้ำเพราะรสจะจืด ล้างให้สะอาดก็พอ ถ้าชอบจะใส่น้ำผักกาดดองไปช่วยชูรสอีกนิดก็ได้
- เนื้อปลาต้องสด ใส่ในขณะที่น้ำเดือดและห้ามคน และควรรับประทานทันที ถ้ากลัวเหม็นคาวให้แช่ปลาในน้ำนมไว้ในตู้เย็นสักครู่ หรือนำมาลวกก่อนโดยใช้น้ำขิงผสมกับเหล้าโรงใส่ในน้ำที่ลวกจะช่วยแก้ได้

Monday, November 17, 2008

ข้าวซอย


ข้าวซอย

เครื่องปรุง
เนื้อวัวส่วนน่อง 1 น่องประมาณ 1 กก. หรือเนื้อไก่ 1 กิโลกรัม
หัวกะทิ 2 ถ้วย
หางกะทิ 5 ถ้วย
หอมเล็ก 1/4 ถ้วย
พริกขี้หนูแห้งคั่ว โขลกละเอียด 1/2 ถ้วย
ผักกาดดองเปรี้ยว 1 ต้น
เส้นบะหมี่แห้ง(ลวก) 1 ห่อ 500 กรัม
ซีอิ๊วดำหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อม 1/4 ถ้วย
ผักชีกับต้นหอมหั่นฝอย 2 ต้น
ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนชา
น้ำปลาดี 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะ
มะนาว
กะหล่ำปลีหั่นฝอย

วิธีทำ
1. หั่นเนื้อเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋ากว้างยาว 1 นิ้ว ใส่ในหางกะทิเคี่ยวให้เปื่อย (เปลี่ยนจากเนื้อเป็นน่องไก่ได้นะคะ) ใส่ซีอิ๊วดำหวานขณะเคี่ยว ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาลทราย พริกขี้หนูแห้งโขลกละเอียด
2. ผักกาดดองเปรี้ยว หั่นเป็นท่อนๆประมาณ 1/2 นิ้ว
3. เคี่ยวหัวกะทิพอข้นไว้สำหรับโรยหน้า
4. ลวกเส้นบะหมี่ให้สุก แล้วแบ่งทอดโรยหน้า (ส่วนที่ทอดไม่ต้องลวก)
5. เวลาเสิร์ฟใส่เส้นบะหมี่ที่ลวกแล้ว ใส่เนื้อที่ปรุงรสแล้ว กะทิโรยด้วยพริกขี้หนูแห้งทอด โรยเส้นบะหมี่ทอดกรอบ ผักชี ต้นหอม

ผักที่จะรับประทาน
ผักกาดดอง หอมเล็ก มะนาว พริกขี้หนูแห้งทอด ซีอิ๊วดำ เส้นบะหมี่จะใข้บะหมี่สดก็ได้ ลักษณะเส้นบะหมี่จะกลมเป็นแท่งยาว

หมายเหตุ รับประทานได้ 8-10 คน

Sunday, November 16, 2008

ขนมจีนน้ำพริก


ขนมจีนน้ำพริก
ส่วนผสม
เส้นขนมจีน (สำหรับ 5 คน) 10 จับ
กุ้งนางเอาแต่เนื้อกุ้งสับละเอียด 300 กรัม
ถั่วเขียวลอกเปลือกคั่วบด 1 ถ้วย
น้ำตาลปี๊บ 2 กล่อง
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
หัวปลีหั่นบางๆ 1 ถ้วย
พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
ผักบุ้งนาลวก หั่นซอยหยาบๆ 1 ถ้วย
ผักกระเฉดตัดเป็นท่อน 1 ถ้วย

ส่วนผสม น้ำพริก
พริกขี้หนูแห้งคั่ว 10 เม็ด
หอมแดงเผา 5 หัว
กระเทียมเผา 2 หัว
ข่าเผา 3 แว่น
รากผักชีหั่นคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

จัดการโขลกน้ำพริกดังกล่าวข้างต้นให้ละเอียดก่อนแล้วเตรียมปรุงผสมต่อไป

วิธีปรุง
1. เอาน้ำกะทิสำเร็จรูปใส่ลงไปในหม้อต้ม เอาแต่หัวกะทิที่เห็นเป็นสีขาวเหนียวข้นตอนบนของกล่องกะทิ เคี่ยวกะทิแตกมันเล็กน้อย
2. เอากุ้งสับลงไปต้มด้วย เอาน้ำพริกแดงที่โขลกลงไปปรุงผัดให้หอม
3. ใส่ถั่วเขียวบดลงไปอีก ใส่น้ำกะทิลงไปหมด หากน้อยเติมน้ำสะอาดนิดหน่อย
4. ปรุงรสเค็ม หวานให้พอดี
5. เจียวกระเทียมกับน้ำมันพืชให้เหลืองหอม ใส่ลงไปในหม้อแกง แล้วเอาพริกขี้หนูคั่วป่นลงเจียวบ้าง ใส่ลงไปในหม้อน้ำพริกอีกอย่างหนึ่ง

เวลารับประทานเอามาราดบนเส้นขนมจีน รับประทานกับผักต่างๆเช่น ผักบุ้งลวกหั่นเล็กๆ หัวปลีซอยบางๆ

Saturday, November 15, 2008

ไก่ทอดซอสโยเกิร์ต


ไก่ทอดซอสโยเกิร์ต
เครื่องปรุง
เนื้ออกไก่หรือสันในไก่ 500 กรัม
ลูกกระวานเทศ 2 เม็ด
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
ขิงขูดละเอียด 1 ช้อนชา
น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
หอมใหญ่สับ 1 หัว
เกลือสมุทร 1/4 ช้อนชา
พริกไทยดำป่น 1/4 ช้อนชา
เมล็ดอัลมอนด์ หั่นแท่งยาวอบ 1/4 ถ้วย

วิธีทำ
1. ล้างเนื้อไก่ หั่นเป็นชิ้นพอคำ ใส่ลงในอ่างผสม พักไว้

2.ทุบลูกกระวานให้แตกเอาเมล็ดด้านในคั่วกระทะด้วยไฟอ่อนพอหอม ปิดไฟ นำไปโขลกพอแตกและมีกลิ่นหอม ใส่ถ้วยเตรียมไว้

3. ผสมโยเกิร์ต เมล็ดลูกกระวานเทศที่คั่ว และขิง เข้าด้วยกันในอ่างผสม พักไว้

4. ผัดหอมใหญ่ในกระทะน้ำมันด้วยไฟอ่อนจนสุกนุ่ม ใส่เนื้อไก่ลงผัดจนเหลืองและมีสีน้ำตาลเล็กน้อย ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ผัดพอทั่ว เติมน้ำ เคี่ยวนานประมาณ 20-25 นาที หรือเนื้อไก่สุกนุ่มและน้ำงวดลง ปิดไฟ
5. ใส่โยเกิร์ตที่ทำลงในหม้อไก่ คนให้เข้ากัน ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยพาร์เลย์หรือผักกาดคอส โรยอัลมอนด์ เสิร์ฟ

Friday, November 14, 2008

แกงโฮะ


ในสมัยก่อนเวลาทำบุญบ้านหรืองานบุญต่างๆ มักจะเตรียมของที่ทำอาหารไว้จำนวนมาก ในสมัยก่อนการนำเอาแกงต่างๆ ที่เหลืออยู่ในหม้อ (หลังจากที่ตักรับประทานอิ่มแล้ว) รวมทั้งผักและเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่เหลือจากการเตรียมมาทำแกงโฮะ ซึ่ง “โฮะ” เป็นภาษาเหนือ หมายถึง เอามารวมกัน
คนไทยในแต่ละภาคมีวิธีการรับประทานผักอย่างหลากหลายแล้วแต่จะดัดแปลงกรรมวิธีอย่างไร แกงโฮะก็เป็นอาหารที่ปรุงจากผักหลายชนิดคล้ายกับอาหารหลายๆ อย่างของคนไทยภาคอื่นๆ ถ้าหากนึกถึงแกงก็มักจะนึกภาพแกงที่มีน้ำแกง จะมากน้อยหรือขลุกขลิกก็แล้วแต่ ส่วนแกงโฮะจะเป็นแกงที่แห้งๆ คล้ายผัด ซึ่งก็เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของแกงโฮะ

เครื่องปรุง
หมูสามชั้น 100 กรัม
เนื้อไก่ 100 กรัม
มะเขือเปราะ ½ ถ้วย (100 กรัม)
มะเขือพวง ½ ถ้วย (100 กรัม)
มะเขือยาว 1 ลูก (200 กรัม)
ถั่วฝักยาว 6 ฝัก (100 กรัม)
ตำลึงเด็ดใบอ่อน 2 ถ้วย (100 กรัม)
หน่อไม้เปรี้ยว 300 กรัม
ผักชีฝรั่งหั่นหยาบ ¼ ถ้วย (30 กรัม)
ผักชี ต้นหอม หั่นหยาบ อย่างละ 1 ต้น (30 กรัม)
พริกขี้หนูทอด 10 เม็ด (5 กรัม)
แตงกวา 5 ลูก (200 กรัม)
วุ้นเส้นแช่น้ำตัดสั้น ½ ถ้วย (300 กรัม)
สะระแหน่เด็ดเป็นใบ ¼ ถ้วย (30 กรัม)
ใบโหระพา 1 กิ่ง (5 กรัม)
น้ำมัน ¼ ถ้วย (45 กรัม)

เครื่องปรุงเครื่องแกง
พริกแห้งแช่น้ำ 5 เม็ด (10 กรัม)
หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ (45 กรัม)
เกลือป่น 2 ช้อนชา (15 กรัม)
กระเทียมซอย 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
ตะไคร้หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
กะปิ 1 ช้อนชา (8 กรัม)

วิธีทำ
1. โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
2. ล้างหมู ไก่ หั่นชิ้นบาง ล้างมะเขือพวง มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว และมะเขือยาว หั่นถั่วฝักยาวเป็นท่อน 1/2 นิ้ว หั่นมะเขือยาวเป็นท่อน 1/2 นิ้ว แล้วจึงผ่าครึ่ง มะเขือเปราะผ่าสี่
3. ใส่น้ำมันในกะทะ ตั้งไฟให้ร้อนใส่เครื่องแกงผัดให้หอม ใส่หมู ไก่ ผัดให้เข้ากัน ใส่หน่อไม้เปรี้ยวใช้ไฟอ่อนเคี่ยวสักครู่ ใส่วุ้นเส้นผัดให้เข้ากัน
4. จัดใส่จาน โรยใบสะระแหน่วางพริกขี้หนูทอดด้านข้างรับประทานกับใบโหระพา แตงกวา หั่นเป็นแว่น

สรรพคุณทางยา
1. มะเขือเปราะ รสขมเล็กน้อย กระตุ้นการทำงานของกระเพาะลำไส้ ช่วยบำรุงธาตุ
2. มะเขือพวง รสขมเฝื่อนเปรี้ยวเล็กน้อย แก้ไอ ช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ
3. มะเขือยาว รสขื่น กระตุ้นการทำงานของกระเพาะลำไส้
4. ถั่วฝักยาว รสมันหวาน มีคุณค่าทางอาหารสูง กระตุ้นการทำงานของกระเพาะลำไส้บำรุงธาตุดิน
5. ตำลึง รสเย็น ใบสดตำคั้นน้ำแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดแสบปวดร้อน และคั้นรับประทานเป็นยาดับพิษร้อน (แก้เจ็บตา ตาแดง ตาแฉะ)
6. หน่อไม้ รสขมหวานร้อน ราก รสอร่อยเอียนเล็กน้อย ใช้ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ ใบไผ่ เป็นยาขับฟอกล้างโลหิตระดูที่เสีย
7. ผักชีฝรั่ง รสจืด กลิ่นหอม ขับลม ดับกลิ่นคาว
8. ผักชี ช่วยละลายเสมหะ แก้หัด ขับเหงื่อ ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เจริญอาหาร
9. หอมแดง รสเผ็ดร้อนแก้ไข้เพื่อเสมหะ บำรุงธาตุ แก้ไข้หวัด
10. พริกขี้หนู รสเผ็ดร้อน ช่วยเจริญอาหาร ขับลม ช่วยย่อย
11. แตงกวา รสจืด เป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง กระตุ้นการทำงานของกระเพาะลำไส้ ช่วยระบาย ขับปัสสาวะ บำรุงผิวพรรณ
12. สะระแหน่ รสหอมร้อน ใบ/ยอดอ่อน ขับเหงื่อ แก้ปวดท้อง ขับลมในกระเพาะลำไส้แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ แก้อาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
13. โหระพา รสเผ็ดปร่าหอม แก้ท้องขึ้น อืดเฟ้อ แก้ลมวิงเวียน ช่วยย่อยอาหาร ขับลมในลำไส้ ขับเสมหะ
14. กระเทียม รสเผ็ดร้อน ขับลมในลำไส้ แก้ไอขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคทางผิวหนัง น้ำมันกระเทียม มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัส ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด
15. ตะไคร้ แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ บำรุงธาตุ และ ช่วยเจริญอาหาร และขับเหงื่อ

ประโยชน์ทางอาหาร
แกงโฮะเป็นอาหารของภาคเหนือ ที่ได้จากผักหลายอย่างมารวมกัน จะได้รับวิตามิน แร่ธาตุจากผักต่างๆ รวมทั้งโปรตีน และพลังงาน วุ้นเส้นจะช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้ อีกทั้งยังได้คุณค่าอาหารโปรตีนเพราะผลิตจากถั่วเขียว

Thursday, November 13, 2008

การทำเส้นขนมจีน


การทำเส้นขนมจีน
อุปกรณ์
1. ที่โรยเส้น มีหน้าที่บีบแป้งให้เป็นเส้นลงน้ำร้อน ชาวบ้านเรียก "อีโรย" ลักษณะเป็นกระบอกมีรูด้านล่างหลายรู และมีอีกกระบอกเล็กมีหน้าที่เหมือนลูกสูบดันแป้ง ให้ลองไปตามร้านรับบัดกรีแล้วขอดูได้ แต่ต้องสั่งพิเศษให้มีรูเล็กกว่าที่วางขายทั่วไปเพราะขนมจีนเราเส้นเล็กกว่า อาจสั่งทำเป็นสแตนเลสหรือสังกะสีก็ได้ ร้านที่รับบัดกรีแทบทุกร้านสามารถทำได้แน่นอน
2. กะละมัง ใช้กะละมังก้นลึกอลูมิเนียมขนาด 50 ซ.ม. หรือกะละมังอะไรก็ได้ที่ก้นลึกหน่อยหากไม่มีเงินจะใช้กระปีปก็ยังไหว เอาไว้โรยเส้น
3. ที่ตักเส้น มีลักษณะเหมือนโครงไม้ตีแบดแต่มีตาข่ายเป็นเชือกถักถี่ ๆ ห้อยย้อยดูง่าย ๆ เหมือนที่สำหรับช้อนปลาของแม่ค้าปลานั่นเอง เอาไว้ช้อนเส้นที่สุกแล้วมาล้างน้ำ
4. กะละมังล้างเส้น มีไว้สัก 3-4 ลูก
5. ที่ใส่แป้งเมื่อต้ม คล้ายชะลอมไม้ไผ่ใส่แป้งดิบเมื่อต้มให้สุกอาจใช้วิธีนึ่งในซึ้งเอาก็ได้
6. กระปีปต้มแป้ง ใช้กระปีปเปิดฝาธรรมดา
7. เครื่องตีแป้ง เป็นเครื่องนวดแป้งชนิดราง แต่ไม่มีใช้วิธีตำแป้งเอาก็ได้ (ตำด้วยครกไม้ใหญ่)


วิธีทำ
1. ก่อนอื่นนำแป้งดิบสัก 4 กิโล มาต้มในกระปีปที่มีน้ำเดือดอยู่โดยใส่แป้งที่ปั้นกลม ๆ ในชะลอมแล้วหย่อนลงไปหรืออาจใช้วิธีนึ่งในซึ้งก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 5-6 นาที แต่หากเป็นแป้ง 8 กิโลจะใช้เวลาประมาณ 10 นาทีให้ลองดูแป้ง โดยวิธีหยิกแป้งดูถ้าแป้งสุกลึกเข้าเนื้อแป้งสักครึ่งข้อนิ้วข้อแรกเป็นใช้ได้
2. นำลูกแป้งที่สุกแล้วมาตีด้วยเครื่องนวด หากไม่มีใช้ครกใหญ่ตำก็ได้ ตีจนแป้งแตกตัว
3. นำแป้งมาใส่กะละมังเทน้ำร้อนลงไปคลุกเคล้า ช่วงนี้ต้องดูแป้งเป็นคือ อย่าใส่น้ำมากเกินเพราะจะเหลวบีบไม่เป็นเส้น หากข้นไปก็จะปีบไม่ออก ซึ่งในส่วนนี้ต้องมีการทดลองกันเล็กน้อย แต่ไม่เกินครั้งสองครั้งก็ดูเป็น
4. เสร็จแล้วเทแป้งใส่ผ้าขาวบางแล้วรวบผ้าช่วยบีบให้แป้งลอดผ้าออกมารูดให้หมด เนื่องจากแป้งมีความหนืดเหนียวจึงต้องออกแรงบีบเล็กน้อย
5. นำแป้งมาใส่ที่โรยเส้นแล้วโรยเส้นลงในกะละมังที่ใส่น้ำตั้งบนเตา โรยในขณะที่น้ำเดือดสำหรับเทคนิคการโรยคือ เวลาโรยจะต้องไม่อยู่กับที่จะต้องวนไปเรื่อย ๆ ในขณะบีบอยู่จะไม่ให้เส้นลงซ้ำกันและอย่าโรยสูงให้ที่โรยอยู่เหนือน้ำสัก 3-4 นิ้ว โรยจนหมดแป้งและไม่ต้องโรยแบบลีลา ให้รีบ ๆ โรยโดยออกแรงกดมาก ๆ เร็ว ๆ ให้แป้งพุ่งออกมาจากรูเลย
6. ทิ้งไว้จนเห็นเส้นลอยขึ้นมาเป็นแพ ใช้ที่ตักช้อนเส้นออกมาให้หมดในคราวเดียว
7. นำเส้นที่ได้ไปล้างน้ำในกะละมังน้ำเย็น โดยใช้กะละมังสัก 4 ลูก ใส่น้ำวางเรียงไว้โดยไม่ต้องเอาเส้นออกจากที่ตัก จุ่มไปทั้งหมดใช้มือช่วยเขย่าขยำเบา ๆ ทำอย่างนี้เรื่อย ๆ กับกะละมังลูก 2 ลูก 3 พอถึงลูกที่ 4 ก็ให้เทเส้นลงแช่ในน้ำเลย และหากน้ำที่ใช้ล้างเริ่มจะร้อนก็ให้รีบเปลี่ยนทันที
8. ดึงเส้นออกมาจับโดยใช้วิธีพันนิ้ว เมื่อได้ขนาดแล้วเด็ดออก หากก้อนเล็กให้พันนิ้วเดียว(นิ้วชี้ซ้าย) ก้อนใหญ่ก็สองนิ้ว ได้แล้วใช้มือบีบน้ำออกเบา ๆ วางขนมจีนเรียงใส่กระจาด ควรจะทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว อย่าปล่อยให้แช่น้ำนาน ๆ เป็นอันเสร็จวิธีทำเส้นสูตรหล่มเก่า