Thursday, August 14, 2008

อองเทร่ (Entr้e)


อองเทร่ (Entrée) เป็นหอยเชลล์เสิร์ฟกับมูสต้นกระทียมฝรั่ง (Leek and lemongrass mousse, small scallops screwer) มูสสีเขียวอ่อนทำจากส่วนสีขาวของต้นกระเทียมฝรั่งที่นำมาทุบเพื่อให้ได้น้ำมันและกลิ่นหอมใส่ในถ้วยแก้วใส วางประดับด้านบนด้วยวิปครีมผสมมะนาว ซึ่งนอกจากรสชาติจะบางเบา และมีกลิ่นหอมอ่อนๆแล้ว ยังเข้าได้ดีกับอาหารทะเล ส่วนหอยเชลล์ผัดกับน้ำมันมะกอกหอมและชวนชิมด้วยการจัดเสียบกับก้านตะไคร้ที่ใช้ตกแต่งและวางพาดบนขอบแก้ว
หอยเชลล์กับมูสต้นกระเทียมฝรั่ง
มูส
นำต้นกระเทียมฝรั่งเฉพาะส่วนขาว 5 ต้น กับตะไคร้มาทุบ(เฉพาะส่วนขาว 3 ต้น) และนำไปผัดกับเนย น้ำ 1 ถ้วย เกลือและพริกไทย แล้วปิดฝา นำลงจากไฟ ผสมให้เข้ากัน ถ้าข้นเกินไปให้ใส่น้ำเล็กน้อย ใส่ในถ้วยแก้ว แล้วนำไปแช่เย็น
วิปครีม
ใช้ครีม 0.1 ลิตร มาตีให้ขึ้นฟูเติมเกลือ และน้ำมะนาว แล้วแยกไว้
หอยเชลล์
นำหอยเชลล์เล็ก 12 ตัว มาทอดในน้ำมันมะกอกอย่างเร็วและใช้ไฟแรง เติมกระเทียมและพาร์สลีย์ แล้วนำหอยมาเสียบบนก้านตะไคร้ 3 ตัว
วิธีเสริฟ
ตักวิปครีมใส่บนมูสต้นกระเทียมฝรั่ง วางก้านตะไคร้บนขอบแก้ว แล้วเสิร์ฟทันที

Wednesday, August 13, 2008

วุ้นลิ้นจี่น้ำทับทิม


ของหวานวุ้นลิ้นจี่น้ำทับทิมสูตรของ “น้ำ” ที่นำพื้นฐานความคิดของสัมฉุนของหวานหน้าร้อนที่ทำด้วยส้มลอยน้ำดอกมะลิเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งใสและหอมแดงเจียวมาดัดแปลง การปรุงเป็นการเปลี่ยนน้ำลิ้นจี่ซึ่งเป็นของเหลวมาทำให้แข็งเป็นวุ้น โดยตัววุ้นจะแบ่งเป็น 2 ชั้น วุ้นใสด้านนอกทำจากน้ำมะลิอ่อน หอมมะลิสดชื่น วุ้นชั้นในสีแดงส้ม ทำจากน้ำลิ้นจี่ผสมน้ำทับทิม เติมด้วยน้ำเชื่อมให้มีความหวาน ส่วนด้านในสุดเป็นลูกลิ้นจี่สีส้มอ่อนรสออกเปรี้ยวที่ช่วยแต่งรสชาติให้น่าสนใจ เป็นการทิ้งท้ายเมนูอาหารไทยแท้ที่หาทานไม่ได้ทุกวัน และให้คุณค่าทางใจกับมรดกการกินแบบไทยๆ ที่มีผู้ทุ่มเทหัวใจอนุรักษ์ไว้


วุ้นลิ้นจี่น้ำทับทิม
เครื่องปรุง
• ถ้วยชาขนาดเล็ก 5 ถ้วย
• น้ำลอยดอกมะลิ 50 มิลลิลิตร
• วุ้น 4 กรัม
• น้ำตาลทรายขาว 50 กรัม
• เกลือ
• ใบเตยมัดเป็นปม
• น้ำทับทิม 250 มิลลิลิตร
• น้ำลิ้นจี่สด 125 มิลลิลิตร
• ลิ้นจี่จักรพรรดิเอาเม็ดออก 5-6 ลูก
วุ้นมะลิชั้นนอก
• น้ำลอยดอกมะลิ 150 มิลลิลิตร
• วุ้น 2 กรัม
• ใบเตย
• น้ำตาลทรายขาว 20 กรัม
วุ้นมะลิชั้นใน
• น้ำลอยดอกมะลิ 500 กรัม
• วุ้น 5 กรัม
• น้ำตาลทรายขาว 50 กรัม
วิธีทำ
1. ล้างถ้วยชาทิ้งให้แห้งสำหรับใช้เป็นพิมพ์
2. แช่วุ้นในน้ำดอกมะลินาน 20 นาทีให้นิ่ม
3. ทำน้ำเชื่อมโดยอุ่นไฟอ่อนๆ เติมน้ำตาล เกลือ ใบเตย
4. พอละลายเติมน้ำทับทิม น้ำลิ้นจี่ คนให้เข้ากัน 5 นาที
5. เทน้ำเชื่อมครึ่งถ้วยชา เมื่อเริ่มอยู่ตัว ใส่ลิ้นจี่ลงไป แล้วเติมด้วยน้ำเชื่อมที่เหลือ
6. ทิ้งไว้จนแข็งตัว แล้วถอดพิมพ์ออก
7. ทำวุ้นชั้นใน โดยแช่วุ้นในน้ำมะลินาน 15 นาที ต้มให้เดือนนาน 1 นาที ก่อนใส่น้ำตาล และต้มอีก 5 นาที หมั่นคนบ่อยๆเทใส่หม้อตุ๋นทรงสี่เหลี่ยม รอจนเริ่มแข็งตัว แล้วใส่วุ้นลิ้นจี่และทับทิม
8. เตรียมวุ้นมะลิชั้นนอก แช่วุ้นในน้ำดอกมะลินาน 15 นาที ต้มให้เดือด เติมน้ำตาล เกลือ ใบเตย ทิ้งให้เย็นเทบนวุ้นชั้นในที่คงตัวแล้ว ทิ้งให้เย็น

Tuesday, August 12, 2008

สเต๊กหมูพริกไทยดำ


ส่วนผสม
• เนื้อหมูสันนอกชิ้นละ 200 กรัม 2 ชิ้น
• แครอทหั่นยาว 2 นิ้ว กว้าง 1 ซม. 1/2 หัว
• ถั่วแขกหั่นครึ่ง 4 ฝัก
• พริกไทยดำโขลกหยาบ 1 ช้อนชา
• เนยสดชนิดเค็ม 4 ช้อนโต๊ะ
• บราวน์ซอส (มีสำเร็จรูปขาย) 1/2 ถ้วย
• หอมใหญ่สับ 1 ช้อนโต๊ะ
• เหล้า 2 ช้อนโต๊ะ
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
• พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
• แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. หมูสันนอกตัดชิ้นหน้าประมาณ 1 ซม. หนักประมาณ 200 กรัม ใช้ค้อนทุบเนื้อทุบให้หมูนุ่มทั้งสองด้าน โรยเกลือ พริกไทยทั้งสองด้าน พักไว้
แครอทและถั่วแขกลวกน้ำร้อนให้สุก นำไปผัดกับเนยแล้วใส่จานไว้เป็นเครื่องเคียง
2. ใส่เนยลงไปในกระทะประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ นำหมูลงทอดใช้ไฟปานกลาง ทอดหมูให้สุกทั้งสองด้าน ตักใส่จาน
3. ตั้งกระทะให้ร้อนใส่เนยลงไปอีก 1 ช้อนโต๊ะ ใส่เหล้าและหอมใหญ่สับ ผัดให้สุกและเข้ากัน ใส่บราวน์ซอส พอเดือดใส่พริกไทยดำใส่แป้งข้าวโพด เพื่อให้ซอสนุ่ม
4. นำซอสที่ผัดราดลงบนหมูที่ทอดไว้

Monday, August 11, 2008

ยำกุ้งยอดมะพร้าวอ่อน


ยำกุ้งยอดมะพร้าวอ่อนที่ปรุงด้วยน้ำพริกเผาสูตรโบราณที่ทำด้วยการเผาไม่ใช่ทอดและรสไม่หวานเพื่อให้ได้ความหอมในแบบดั้งเดิม แล้วจึงนำน้ำพริกมาผัดกับหัวกะทิ ปรุงด้วยน้ำตาลและน้ำปลาจนเครื่องแกงสุกและหอมได้ที่ นำกุ้งแม่น้ำที่ลวกสุกแล้วมาคลุกให้เข้ากัน โรยหน้าด้วยหัวกะทิข้น ใบสะระแหน่พริกทอด และยอดมะพร้าวอ่อนต้มสุก
ยำกุ้งยอดมะพร้าวอ่อน
เครื่องปรุง
• หัวกะทิ ½ ถ้วย
• น้ำพริกเผา 120 กรัม
• น้ำตาลปึก 5 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
• เกลือเล็กน้อย
• น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
• พริกป่น •ยอดมะพร้าวอ่อน 250 กรัม
• น้ำมะนาว
• กุ้งแม่น้ำ 24 ตัว
• น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ
• หัวกะทิ 2 ช้อนโต๊ะ
• ใบสะระแหน่เด็ดเฉพาะใบ 1 ถ้วย
• พริกแห้ง 1-2
• หอมแดงเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
• พริกแห้ง 1-2 เม็ด
วิธีทำ
1. ผัดหัวกะทิกับน้ำพริกเผา เติมน้ำตาล น้ำปลา เกลือ ยกออก
2. ชิมให้มีสรเข้มข้นและหวานนำ
3. หั่นยอดมะพร้าวเป็นชิ้นต้มจนสุก
4. ต้มกุ้งจนสุก
5. ผสมเครื่องแกงกับกุ้ง แต่งด้วยใบสะระแหน่
6. ใส่ยอดมะพร้าว
7. แต่งหน้าด้วยหัวกะทิ ละหอมแดงเจียว
น้ำพริกเผา
เครื่องปรุง
• หอมแดงไม่ปอกเปลือก 100 กรัม
• กระเทียมไม่ปอกเปลือก 100 กรัม
• พริกชี้ฟ้าแดงเอาเม็ดออก 50 กรัม
• กะปิ 1 ช้อนชา
• เกลือ
วิธีทำ เผาเครื่องปรุงทุกอย่าง ทิ้งให้เย็น ปอกเปลือกหอมแดงและกระเทียม ตำให้ละเอียด เติมเกลือ

Sunday, August 10, 2008

ม้าห้อ


ม้าห้อ เสิร์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่ห้องอาหาร Cy’an ชวนชิมด้วยรสชาติกลมกล่อมและเนียนนุ่ม ความละเอียดอ่อนคือการปรุงให้ส่วนผสมมีความชุ่ม เกาะตัว ปั้นได้ ไม่แห้งทั้งยังมีความหอมเพราะพิถีพิถันเคี่ยวด้วยน้ำตาลปึก และยังหอมด้วยกระเทียมเจียวและถั่วลิสงที่ช่วยแต่งรสให้จัด เพิ่มความเค็มด้วยน้ำปลาเพื่อให้ได้กลิ่นอายแบบไทยๆ ก่อนจะเสิร์ฟอุ่นอีกครั้งพอร้อน เติมหอมเจียวกระเทียมเพื่อคงรสชาติของความสด จัดวางบนสับปะรด และกลีบส้มที่รสไม่เปรี้ยวมาก โรยหน้าด้วยผักชีและพริกหั่นเป็นเส้นยาว
ม้าห้อ
เครื่องปรุง
• ไก่สับละเอียด 100 กรัม
• กุ้งสับละเอียด 100 กรัม
• หมูไร้ไขมัน 100 กรัม
• เกลือ
• น้ำมัน
• รากผักชีหั่น 2 ช้อนชา
• กระเทียม 2 ช้อนชา
• พริกไทยขาว 10 เม็ด
• เกลือ
• น้ำตาลปึก 2 ถ้วย
• น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ
• กระเทียมเจียว ½ ถ้วย
• หอมแดงเจียว ½ ถ้วย
• ถั่วลิสงคั่ว ½ ถ้วย
• สับปะรด ½ ลูกหั่นเป็นชิ้นบางๆ 40 ชิ้น
• ส้มแมนดารินหรือโชกุน(ประมาณ 100 กลีบ)
• ใบผักชี 1 ถ้วย
• พริกชี้ฟ้าแดง 1 หั่นยาว แกะเม็ด แล้วหั่นฝอย
วิธีทำ
1. ผัดเนื้อแต่ละชนิดแยกกันทิ้งไว้ให้เย็น
2. ตำรากผักชี กระเทียม พริกไทย เกลือ นำลงผัดในน้ำมันจนหอม เติมน้ำตาลปึก น้ำปลา ผัดจนเหนียว คนตลอดเวลาไม่ให้จับเป็นก้อน
3. ผสมกระเทียมหอมแดงเจียวและถั่วลิสงคั่วลงไป
4. ชิมให้มีรสหวาน มัน เค็ม
5. เตรียมสับปะรด และส้ม นำกลีบส้มมาผ่าเป็นร่อง
6. ปั้นไส้ที่ทิ้งไว้ให้เย็นเป็นก้อน วางสอดไส้ในกลีบส้มและบนสับปะรด
7. แต่งด้วยผักชีและพริกชี้ฟ้าหั่นฝอย

Saturday, August 9, 2008

ต้มข่าไก่


ส่วนผสม

วิธีทำ
ใส่ ข่า ตะไคร้ พอเดือด ใส่เห็ด เดือดต่ออีก 3 นาที ใส่ไก่ รอให้ไก่สุก ใส่น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พริกขี้หนู และใบมะกรูด ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ แต่งด้วยผักชี
tip: ข่าที่ใช้ควรใช้ข่าอ่อน ๆ ตะไคร้ต้องทุบให้มีกลิ่นหอม และใบมะกรูดก็ต้องฉีกเพื่อให้มีกลิ่นหอมเช่นเดียวกัน

Friday, August 8, 2008

ต้มเค็มปลาทูน้ำตาลมะพร้าวสด


ต้มเค็มปลาทูที่หารับประทานได้ยากเพราะต้องผ่านทั้งกรรมวิธีและรายละเอียดในแบบโบราณและตามแบบของ “น้ำ” เริ่มจากปลาทูที่ต้องมาจากแม่กลองเท่านั้น ส่วนการต้มต้องใช้เวลานาน 3วัน เพื่อให้ได้รสชาติดี โดยใช้หนังหมูรองก้นหม้อไม่ให้ไหม้ แล้วรองด้วยมะขามเปียกและหัวหอมอีกชั้น แล้วนำปลามาต้มด้วยน้ำตาลสดจากสมุทรปราการ ด้านบนของหม้อใช้อ้อยปอกผ่าซีก ทุบให้พอนิ่มวางทับเพื่อป้องกันไม่ให้ปลาลอยตัวการต้มทิ้งนานเป็นวันยังทำให้กระดูกปลามีความกรอบทานได้ เนื้อปลาแม้จะสุกแต่ไม่ร่วนไม่เปื่อยและยังคงรูปเป็นปลาทูตัวสวย รสหวานนุ่มและหอมด้วยน้ำตาลสด
ต้มเค็มปลาทูน้ำตาลมะพร้าวสด
เครื่องปรุง
• ปลาทู 10 ตัว
• ตะไคร้ 4 ท่อน/ก้าน
• ข่า 8 ชิ้น
• ขิง 1 ถ้วย
• รากผักชี 6 ราก
• หอมแดง 8 หัว
• พริกแห้ง 4 ฝักแช่น้ำ
• มะขามเปียก 2 ฝัก
• พริกไทยขาวทุบหยาบๆ ½ ช้อนชา •น้ำตาลสด 750 มิลลิลิตร
• เกลือ
• น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
• ซีอิ๊วดำหวาน ½ ช้อนโต๊ะ
• หอมแดง 3-5 หัว
• พริกขี้หนู 2-3 เม็ด
• พริกไทยขาว
• ผักชีสับ
วิธีทำ
1. ล้างปลา ถอดเกล็ด เอาไส้ออก ล้างให้สะอาด
2. วางส่วนผสมที่ก้นหม้อ วางปลาทับ เทน้ำตาลสด เติมน้ำ แล้วต้มให้เดือด
3. ใส่เกลือ ซีอิ๊วดำ น้ำปลา น้ำตาล มะขามเปียก ตุ๋น 2 ชั่วโมง แล้วทิ้งไว้ ไม่ต้องแช่เย็น
4. วันรุ่งขึ้นเติมน้ำให้เดือด เคี่ยวอีก 2-3 ชั่วโมง ทิ้งให้เย็น เคี่ยวในลักษณะเดียวกันนี้วันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 2-3 วัน โดยไม่ต้องแช่เย็น
5. ก่อนเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยหอมแดงพริก พริกไทย และผักชี

Thursday, August 7, 2008

ซี่โครงหมูอบ


เครื่องปรุง
• ซี่โครงหมู 3 กิโลกรัม
• โรสแมรี่หั่นละเอียด 100 กรัม
• หอมแดงฝานบาง 100 กรัม
• กระเทียมสับละเอียด 5 หัว
• ผลจูนิเปอร์ 10 ลูก
• ผิวมะนาว 40 กรัม
• น้ำมะนาว
• มัสตาร์ดดิจง 50 กรัม
• ซอสถั่วเหลือง 50 มิลลิลิตร
• น้ำผึ้ง 40 มิลลิลิตร
• น้ำมันมะกอก 40 มิลลิลิตร
• ซอสพริก 10 มิลลิลิตร

วิธีทำ
• วางซี่โครงหมูลงในถาดอบ ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดทาลงบนซี่โครง หมักไว้ประมาณ 8 ชั่วโมง
• ใส่เตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาเซลเซียส เติมน้ำเล็กน้อย แล้วจึงอบที่อุณหภูมิ 75 องศาเซลเซียส นาน 90 นาที อุ่นให้ร้อนก่อนเสิร์ฟ

Wednesday, August 6, 2008

แกงเลียงฟักทอง


สุภาษิตโมร็อกโกว่าไว้ว่า “เมื่อฟักทองเจริญงอกงามรั้วจะพบกับปัญหา” แต่รับรองว่าเมนูจานเด็ดนี้ไม่มีปัญหาต่อสุขภาพอย่างแน่นอน เพราะฟักทองเป็นผักที่มีแคลอรี่ต่ำและอุดมด้วยโปแตสเซียมทั้งยังมีสารเบต้า แครอทีน ซึ่งเป็นวิตามินสำคัญที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกายเมื่อรับประทานคู่กับกุ้งทอดกรอบๆ ในน้ำมันมะกอกรสชาติก็ยิ่งเข้ากัน

ส่วนผสมสำหรับสะเต๊ะกุ้ง
• กุ้ง 2 ตัว ตัวละ 360 กรัม
• เกล็ดขนมปังสีน้ำตาล 50 กรัม
• แป้ง 50 กรัม
• เกลือทะเลผสมพริกไทยดำ 20 กรัม

ส่วนผสมสำหรับน้ำแกง
• น้ำต้มผัก 400 มิลลิลิตร
• น้ำมันมะกอก (ชนิด Extra Virgin) 20 มิลลิลิตร
• หัวหอมหั่นเป็นชิ้นสวยงาม 50 กรัม
• กระเทียมทุบ 20 กรัม
• แป้งขมิ้น 10 กรัม
• พริกแกง 10กรัม
• เทียนข้าวเปลือก 10 กรัม
• มะนาว 4 ผล
• ใบมะกรูดฉีก 10 กรัม
• ตะไคร้ซอย 20 กรัม
• ข่าทุบ 30 กรัม
• ฟักทองหั่นเป้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 300 กรัม
• ใบโหระพา 20 กรัม

วิธีทำ
1. นำกุ้งไปคลุกกับแป้ง ชุบไข่ และนำไปคลุกเกล็ดขนมปังให้ทั่ว
2. สำหรับน้ำแกง อุ่นกระทะก้นลึกให้ร้อน เติมน้ำมันมะกอก หัวหอม กระเทียม ขมิ้น พริกแกง ใบมะกรูด ข่า ตะไคร้ และลูกจันทร์เทศลงไปต้มนาน 10 นาที ตามด้วยน้ำสต็อกและต้มจนสุก
3. เติมฟักทองลงไป เคี่ยวจนเนื้อเริ่มนิ่ม จากนั้นเติมส่วนผสมที่เหลือลงไป
4. นำกุ้งชุบเกล็ดขนมปังไปทอดในน้ำมันมะกอกและนำมาเสิร์ฟคู่กับน้ำแกง

Tuesday, August 5, 2008

แกงเขียวหวานไก่อบกระเทียมพริกไทยดำ


ส่วนผสม

ส่วนผสมพริกแกง

โขลกส่วนผสมพริกแกงบางส่วนให้ละเอียดก่อน จึงใส่หอม กระเทียม โขลกต่อให้ละเอียด ใส่กะปิแล้วโขลกต่อให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
วิธีทำ
1. นำหัวกะทิ ¾ ถ้วย ตั้งไฟให้เดือด ใส่พริกแกงที่ทำเสร็จแล้ว ลงผัดให้หอมด้วยไฟค่อนข้างอ่อนประมาณ 10-15 นาที หรือจนกะทิเริ่มแตกมัน
2. ใส่ไก่อบกระเทียมพริกไทยดำเคี่ยวประมาณ 5 นาที ใส่น้ำปลา น้ำตาลปรุงรสและหางกะทิเดือดทั่วกันแล้ว ใส่มะเขือพวง เดือดอีกครั้งใส่ใบมะกรูด ใบโหระพา และพริกชี้ฟ้า ยกลงตักใส่ถ้วย ตกแต่งด้วยใบโหระพาและพริกชี้ฟ้าเขียว

tip : แกงเขียวหวานจะเคี่ยวไม่ให้แตกมันมาก พอเริ่มแตกก็ใช้ได้แล้ว มะเขือเทศต้งไม่ดำ สามารถทำได้โดยต้องใส่ลงในน้ำแกงเดือด ๆ แล้วใช้ทัพพีกดลงไปให้จมน้ำแกง ใบมะกรูด ใบโหระพา และพริกชี้ฟ้าก็ทำเช่นเดียวกัน

Sunday, August 3, 2008

แกงกุ้ง


เครื่องปรุง
• กุ้งแม่น้ำ 750 กรัม
• น้ำมันพืชอย่างดี 90 กรัม
• หอมหัวใหญ่สับละเอียด 160 กรัม
• กระเทียมสับละเอียด 20 กรัม
• พริกชี้ฟ้าแดง 8 เม็ด
• เมล็ดผักชีไทย 4 กรัม
• เครื่องเทศอินเดีย "Ajwain" 5 กรัม
• มะเขือเทศสับ 750 กรัม
• ขิงสับ 40 กรัม
• ผักชี 10 กรัม
• พริกชี้ฟ้าเขียว 6 เม็ด
• เครื่องเทศ Garam Masala 10 กรัม
• เฟนูกรีก 5 กรัม
• เกลือ
• น้ำมะนาว

วิธีทำ
1. ปอกเปลือกกุ้ง ล้างทำความสะอาด ซับให้แห้ง พักไว้
2. นำพริกชี้ฟ้าแดงและเมล็ดผักชี ตำหรือปั่นเข้าด้วยกัน เป็นเครื่องเทศไว้ผัด พักไว้
3. ตั้งน้ำมันพืชในกระทะ (Kadhai) ไปปานกลาง ผัดหอมหัวใหญ่ จนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทอง จากนั้นใส่กระเทียมผัดเล็กน้อย จึงใส่พริกชี้ฟ้าแดง เมล็ดผักชีที่เตรียมไว้และเครื่องเทศ Ajwain ผัดต่ออีกสักครู่ ตามด้วยมะเขือเทศสับ เคี่ยวสักครู่ ใส่ขิงสับและพริกชี้ฟ้าเขียว
4. เพิ่มไฟปานกลางแรงขึ้นอีกเล็กน้อยบี้ส่วนผสมทั้งหมดให้ละเอียดและเคี่ยวจนเป็นเนื้อเดียวกัน สำหรับเป็นเครื่องแกง
5. ใส่กุ้งลงไปคลุกเคล้าจนน้ำเข้าเนื้อกุ้ง (ในกรณีที่น้ำแกงมากเกินไป ให้ใช้ไฟแรงขึ้นอีกเล็กน้อย)
6. จัดใส่ Kadhai ปรุงรสด้วยเกลือ โรยด้วยเครื่องเทศ Garam Masala เฟนูกรีก และน้ำมะนาวเล็กน้อย คลุกเคล้าให้เข้ากัน แต่งหน้าด้วยขิงสับ ผักชี เสิร์ฟพร้อมแป้งนาน(Naan)