Saturday, July 26, 2008

เค้กหน้าทอฟฟี่


ส่วนผสมตัวเค้ก
แป้งเค้ก 1 1/4 ถ้วย ผงฟู 2 ช้อนชา ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ กาแฟผง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย ไข่ไก่ 4 ฟอง เนยสด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1. ร่อนแป้ง ผงฟู โกโก้ ไว้ด้วยกัน แล้วพักไว้
2. ตีเนยสดพอละลายแล้วพักไว้
3. ตีไข่ไก่และน้ำตาลทรายจนข้นขาว
4. ค่อย ๆ เติมส่วนผสมของแป้งที่ผสมแล้วตาม ข้อ 1 แล้วคนตะล่อมให้เข้ากัน
5. เติมกาแฟที่ละลายน้ำข้น ๆ แล้วตามด้วยเนยที่ตีไว้ใน ข้อ 2 คนให้เข้ากัน
6. เทส่วนผสมทั้งหมดลงในถาดขนาด 7" x 1 1/2" ซึ่งรองด้วยกระดาษไข อบไฟ 350 F ประมาณ 15 นาที แล้วทิ้งไว้ให้เย็น
7. ใส่หน้าทอฟฟี่เกลี่ยให้ทั่ว อบต่ออีก 15 นาที หรือจนกว่าจะเหลือง
ส่วนผสมหน้าทอฟฟี่
เนยสด 3/4 ถ้วย น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย เม็ดมะม่วงสับละเอียด 1 1/2 ถ้วย นมข้นจืด 1/4 ช้อนโต๊ะ แป้งเค้ก 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ตีเนยสดด้วยไฟอ่อน ๆ พอละลายดีแล้วเติมส่วนผสมอื่น ๆ ลงไปกวนจนกระทั่งเหนียว แล้วพักไว้สำหรับนำไปแต่งหน้าเค้กหรือเขียนตัวหนังสือ

Friday, July 25, 2008

เค้กมะตูม


ส่วนผสม
แป้งเค้ก 2 ถ้วย เกลือ 1/2 ถ้วย ผงฟู 2 ช้อนชา เนยสด 150 กรัม ไอซิ่ง 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 3 ฟอง นมสด 1/2 ถ้วย มะตูม 1/2 ถ้วย
วิธีทำ
1. ร่อนแป้ง เกลือ ผงฟู แล้วพักทิ้งไว้
2. คนนมสดกับมะตูมให้เข้ากัน แล้วพักไว้
3. ตีเนยด้วยความเร็วปานกลาง 30 วินาที ใส่ไอซิ่งทีละน้อยจนขึ้นฟู แล้วตอกไข่ใส่ทีละฟอง
คนจนเข้ากันดี
4. นำส่วนผสมของแป้งมาใส่สลับกับนมที่ผสมมะตูม ให้เริ่มที่แป้งและจบด้วยแป้งคนให้เร็ว ๆ แล้วนำเข้าอบไฟ 350 F ประมาณ 50 นาที

Thursday, July 24, 2008

คุ้กกี้คอนเฟลก


ส่วนผสม
แป้งว่าว 2 1/2 ถ้วย เกลือ 1/2 ถ้วย ผงฟู 2 ช้อนชา เนยสด 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 150 กรัม ไข่ 1 ฟอง วนิลา 1 ช้อนชา คอนเฟลก 100 กรัม
วิธีทำ
1. ร่อนแป้ง เกลือ ผงฟู แล้วพักทิ้งไว้
2. ตีเนยสดประมาณ วินาที ใส่น้ำตาลทรายตีจนขึ้นฟูขาว ใส่ไข่ ตีให้เข้ากันแล้วใส่วนิลา
3. ใส่ส่วนผสมของแป้งทีละน้อยจนหมด (อย่าตีนานคุ้กกี้จะเหนียว)
4. ใช้ที่ปั๊มคุ้กกี้ / ช้อน ตักหยอด อบไฟ 300 F ประมาณ 1.5 วินาที พอเย็นเคาะจากถาดใส่ตระแกรง เก็บใส่ขวดโหล

Wednesday, July 23, 2008

คุ้กกี้เนยสด


ส่วนผสม
แป้งเค้ก 3 ถ้วย แป้งว่าว 3 1/4 ถ้วย เกลือ 1/4 ช้อนชา เกลือ 1/2 ช้อนชา ผงฟู 1 ช้อนชา
ผงฟู 1 ช้อนชา โซดา 1 ช้อนชา โซดา 1 ช้อนชา เนยสด 1 ถ้วย เนยสด 1 ถ้วย ไอซิ่ง 1 1/4 ถ้วย น้ำตาลทราย 1 ถ้วย ไข่ไก่ 1 ฟอง ไข่ไก่ 1 ฟอง วนิลา 1 ช้อนชา วนิลา 1 ช้อนชา
(หรือกลิ่นใบเตย 1 ช้อนชา สีเขียว 1/4 ช้อนชา)
วิธีทำ
1. ร่อนแป้ง เกลือ ผงฟู โซดา แล้วพักไว้
2. ตีเนยสดประมาณ 30 วินาที ใส่ไอซิ่ง/น้ำตาลทราย ตีจนขึ้นฟู ใส่ไข่ พอเข้ากันใส่วนิลาตาม
3. ใส่ส่วนผสมของแป้ง (ทยอยใส่)
4. ใช้ที่ปั๊มคุ้กกี้ / ช้อน ตักหยอด อบไฟ 300 F ประมาณ 1.5 วินาที พอเย็นเคาะจากถาดใส่ตระแกรง เก็บใส่ขวดโหล

Tuesday, July 22, 2008

ขายขนมเอแคร์


เงินลงทุน
ครั้งแรกประมาณ 8,500 บาท ขึ้นไป (เตาอบชนิดใช้แก๊ส ราคาประมาณ 4,000 บาท - 5,000 บาท เตาพร้อมถังแก๊ส ประมาณ 2,500 บาท)
รายได้ ประมาณ 400 - 500 บาท / วัน
วัสดุ / อุปกรณ์
เตาอบ ถาดอบขนม กะละมัง ที่ตีไข่ กระทะ กระชอน หม้อ และเตาพร้อมถังแก๊ส
แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์
ย่านเวิ้งนครเกษม กล้วยน้ำไท และคลองเตย
ส่วนผสมตัวขนม
แป้งสาลี 1.5 ถ้วยตวง น้ำสะอาด 1.5 ถ้วยตวง เนยสด 0.5 ถ้วยตวง ไข่ไก่ 4 ฟอง
วีธีทำ
1. นำเนยสดผสมน้ำสะอาดใส่กระทะตั้งไฟไว้ เมื่อน้ำเดือดคนให้เนยสดละลายเป็นเนื้อเดียว กันกับน้ำ
2. นำแป้งสาลีมาร่อนในกระชอน แยกเศษกรวด เม็ดทรายทิ้ง แล้วใส่ผสมลงในกระทะ คนไปมาจนแป้งจับตัวรวมกัน เป็นก้อนเหนียว และส่วนผสมทั้งหมดในกระทะรวมเป็นเนื้อเดียวกัน
3. นำแป้งที่ได้จากข้อ 2 มาเทลงในกะละมัง รอจนแป้งอุ่น จึงเริ่มตอกไข่ไก่ฟองที่ 1 ผสมลงไป ใช้ที่ตีไข่คลุกเคล้าแป้งและไข่ไก่ให้ทั่วจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นจึงตอกไข่ไก่ใบที่ 2 ลงไป คนให้เข้ากันเช่นเดียวกับไข่ใบแรกและทำแบบเดียวกันนี้กับไข่ใบที่ 3 และ 4
4. เมื่อผสมไข่ไก่หมดแล้วและคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จะทำให้แป้งมีลักษณะเป็นครีม สามารถนำไปอบได้
5. นำถุงพลาสติกขนาดถุงโอเลี้ยง มาตัดที่มุมก้นถุง มุมใดมุมหนึ่ง กว้างประมาณ 0.5 เซนติเมตร แล้วนำส่วนผสมที่ได้ในข้อ 4 เทใส่ในถุงพลาสติกที่ได้ตัดมุมไว้ จากนั้นไล่อากาศออกจากถุงแล้วปิดปากถุงนั้นไว้
6. จากนั้นนำมาหยอดลงบนถาดอบ (ก่อนหยอดทารองพื้นถาดอบด้วยเนยขาวบาง ๆ เพื่อมิให้ขนมติดถาด) โดยบีบส่วนผสมจนไหลออกทางมุมถุงพลาสติกที่ตัดมุมไว้ ขณะที่ส่วนผสมไหลออกจากถุงให้วนเป็นวงกลมคล้ายก้นหอย กว้างประมาณ 1 นิ้ว หยอดห่างกัน 1 - 2 นิ้ว จนเต็มถาด
7. จากนั้น นำเข้าเตาอบด้วยอุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮต์ รักษาระดับความร้อนให้คงที่ จนกระทั่งขนมสุกมีสีเหลืองนวล นำออกมาผึ่งรอใส่ไส้ต่อไป
ส่วนผสมไส้
แป้งข้าวโพด 0.5 ถ้วยตวง กับอีก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง เกลือ 1/2 ช้อนชา นมสด 3 ถ้วยตวง ไข่ไก่ 5 ฟอง วานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ เนยสด 4 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ตอกไข่ไก่ทั้งหมดใส่ในภาชนะแล้วตีให้ฟู เทใส่ในหม้อพร้อมกับส่วนผสมอื่น ๆ ทั้งหมด นำหม้อไปตั้งไฟใช้ความร้อนปานกลาง คนส่วนผสมในหม้อไปเรื่อย ๆ ช้า ๆ จนกระทั่งส่วนผสมเข้ากันดี มีลักษณะเหนียวข้น จึงนำลงจากเตาพักรอให้เย็น
2. จากนั้นนำมาใส่ถุงพลาสติกที่ตัดมุมก้นถุงไว้เหมือนกันกับถุงที่ใส่ตัวแป้ง
3. นำตัวขนมที่อบสุกแล้วมา จากนั้น ใช้กรรไกรตัดตรงกลางของลูกขนมตามแนวนอน บีบไส้จนไหลจากมุมถุงพลาสติกที่ตัดมุมไว้ หยอดเข้าไปในช่องของลูกขนมพอประมาณ ปิดเนื้อขนมที่ถูกตัดให้คืนกลับมาแนบติดกัน
ตลาด / แหล่งจำหน่าย
ตลาดทั่วไป ขายส่งมินิมาร์ทหรือร้านเบเกอรี่
สถานที่ฝึกอบรม
1. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนครใต้ โทร. 211-2052, 2112056
2. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตโชติเวช โทร. 282-8531-2, 281-0545
ข้อแนะนำ
1. การทำขนมเอแคร์ให้ขนาดใหญ่พองฟูสามารถรักษารูปทรงอยู่ได้นาน ให้ใช้ไข่ไก่ฟองใหญ่มาทำตัวขนม แต่ไม่ควรเพิ่มจำนวนฟอง เพราะขนมจะเสียรสชาติ
2. ควรขายควบคู่กับขนมปังหรือเค้ก เพื่อเพิ่มรายได้

Monday, July 21, 2008

เค้กกล้วยหอม


ส่วนผสมเค้กกล้วยหอม
แป้งเค้ก 2 ถ้วย เกลือ 1/2 ช้อนชา ผงฟู 1 ช้อนชา โซดา 1/2 ช้อนชา เนยสด 1/2 ถ้วย เนยขาว 38 กรัม น้ำตาลทรายแดง (กด) 1 1/4 ถ้วย ไข่ไก่ 2 ฟอง กลิ่นกล้วยหอม 1/4 ถ้วย กล้วยบด 3/4 ถ้วย
วิธีเตรียมกล้วย
นำกล้วยหอมที่ค่อนข้างงอมมาตีให้ละเอียด แล้วตวงปริมาณของกล้วยที่ตีจนละเอียดแล้ว อย่าตวงตามสัดส่วนของกล้วยที่ยังไม่ได้ตี
วิธีทำ
1. ร่อนแป้ง เกลือ ผงฟู โซดา แล้วพักไว้
2. ตีเนยสด เนยขาว จนฟู ใส่น้ำตาลทรายแดง ตีต่อจนเข้ากัน ใส่ไข่ ตีจนได้ที่ผสมกล้วยลงไป
3. ใส่แป้งสลับนมที่ผสมกล้วยบดไว้แล้ว โดยเริ่มที่แป้ง จบที่แป้ง แล้วอบ 350 F ประมาณ 40 นาที (นมเปรี้ยว = นมสด 1 ถ้วย + น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ)

Sunday, July 20, 2008

กระท้อนลอยแก้ว


เงินลงทุน
250 บาท
รายได้
500 บาท
วัสดุ/อุปกรณ์
กระท้อน 10 กิโลกรัม เกลืออนามัย 2 ถ้วยตวง น้ำสะอาด 3 ถ้วยตวง มะนาว
การเตรียม
1. เลือกซื้อกระท้อนพันธุ์เนื้อหนา 10 กิโลกรัม
2. เตรียมน้ำเกลือ ใช้เกลืออนามัย 2 ถ้วยตวง น้ำสะอาด 3 ถ้วยตวง ต้มน้ำให้เกลือเดือด วางพักให้เย็น
3. เตรียมน้ำเชื่อมแช่กระท้อน ใช้น้ำตาลทรายขาว 3 กิโลกรัม น้ำสะอาด 7 กิโลกรัม ใบเตยแก่ ๆ 5 ใบ เกลืออนามัย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำหวานเฮลซ์บูลบอยสีแดง 1 ถ้วยตวง ต้มน้ำให้เดือด ใส่ใบเตยทิ้งไว้ 5 นาที แล้วใส่น้ำตาลทราย เกลือ พอเดือดเป็นน้ำเชื่อมยกลง กรองด้วยผ้าขาวบาง ทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นใส่น้ำหวานลงผสมจนเป็นสีแดง ปิดฝาพักไว้
4. เตรียมน้ำสุก ใช้น้ำสะอาด 40 ถ้วยตวง ต้มให้เดือดแล้วพักให้เย็น
วิธีทำ
1. นำกระท้อนมาปอกเปลือก แล้วรีบทาด้วยมะนาว (ใช้มะนาวหั่นครึ่งลูกทา) ป้องกันกระท้อนดำ นำไปแช่น้ำสะอาดผสมเกลือพอเค็ม ๆ เพื่อล้างยางซักพัก
2. นำมีดซอยกระท้อนถี่ ๆ จนถึงเม็ดให้รอบลูก คว้านไส้ตรงกลางลูกออก เสร็จแล้วนำไปแช่น้ำเกลือตามข้อ 2 (การเตรียม) ประมาณ 3 ชั่วโมง จับเนื้อดูจะนุ่ม ชิมจะไม่ฝาด ถ้ายังฝาดแช่ต่อไปอีก 1 ชั่วโมง
3. นำกระท้อนขึ้นจากน้ำเกลือ บีบคั้นเบา ๆ แล้วนำไปแช่ในน้ำต้มสุก ตามข้อ 4 (การเตรียม) อีก 1 ชั่วโมง ชิมดูหากไม่ฝาด ไม่เค็มแล้วก็ใช้ได้ บีบเบา ๆ เอาน้ำออกแล้วนำลงแช่ในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ตามข้อ 3 (การเตรียม) โดยเรียงกระท้อนในหม้อเคลือบหรือหม้อสแตนเลส แล้วนำน้ำเชื่อมมาราด ปิดฝานำแช่ตู้เย็นทันที
โดยแช่ทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง นำใส่ถุงขายได้
ตลาดจำหน่าย
ตลาดทั่วไป
ข้อแนะนำ
หากต้องการกระท้อนหวานให้แช่นานกว่านี้

Saturday, July 19, 2008

ลอดช่องไทย


ส่วนผสม
แป้งข้าวจ้าว น้ำปูนใส ข้าวเหนียวดำ เผือก แตงไทย มะพร้าว น้ำตาปี๊บ เทียนหอม น้ำดอกมะลิ
วิธีทำ
- แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วย ต่อน้ำ 3 ถ้วย น้ำปูนใส ¼ ถ้วย ยกตั้งไฟกวนให้ข้น พอข้นดีแล้วเทใส่กระชอนและเคาะลงในน้ำก็จะออกมาเป็นลอดช่อง - เผือกดูซุย ๆ และนำมานึ่งให้สุกประมาณ
30 นาที ยกลงมาผึ่งให้เย็นแล้วจึงนำมาหั่นขนาดพอดีคำ
- ข้าวเหนียวดำแช่ค้างคืนไว้ ปนข้าวเหนียวขาวลงไปด้วย พอจะนึ่งล้างให้สะอาด นำใส่ลงไปเหมือนนึ่งข้าว นึ่งให้สุกจะได้ข้าวเหนียวดำที่นุ่ม
- แตงไทยดูที่แตก ดมดูหอม
วิธีทำน้ำกะทิ
มะพร้าว 1 กิโลกรัม ต่อน้ำตาลปี๊บ 1 กิโลกรัม คั้นกะทิด้วยน้ำดอกมะลิ ประมาณ 4 ถ้วย นำน้ำตาลปี๊บละลายลงไป พอละลายนำมากรองและอบด้วยเทียนอบ เสร็จแล้วคนให้ทั่ว ก็จะได้น้ำกะทิที่ต้องการและหอมด้วย (คั้นกะทิใช้น้ำสุก)

Friday, July 18, 2008

ลอดช่องว่านหางจระเข้

ลอดช่องว่านหางจระเข้
ส่วนผสม
ว่านหางจระเข้ 1 กิโลกรัม (ขนาดใบที่มีน้ำหนัก ½ กก.จึงจะดี) น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม กะทิ 1 กิโลกรัม ใบเตย 5 ใบ
วิธีทำ
1. ปอกเปลือกว่านเป็นท่อนยาวประมาณ 4 นิ้ว ผ่าครึ่งแล้วหั่นให้มีความใหญ่เท่าขนาดตัวลอดช่อง
2. นำใบเตยมานหรือหั่นให้ละเอียดคั้นเอาน้ำรอไว
3. ต้มน้ำเดือดแล้วนำใบว่านที่หั่นแล้ว ใส่ลงไปต้มให้สุก ประมาณ 10 นาที ช้อนขึ้นมาแช่ใบเตยประมาณ 15 นาที
4. นำว่านที่แช่ใบเตยใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำแล้วแช่ในน้ำกะทิที่คั้นไว
5. นำน้ำตาลทรายใส่ลงไป 1.5 ถ้วย เคี่ยวให้เดือดสัก 5 นาที แล้วเอาผ้าขาวบางกรอง
6. เวลารับประทานก็ตักว่านที่แช่กะทิ ใส่น้ำแข็งและน้ำเชื่อมให้หวานตามแต่ลูกค้าชอบ

Wednesday, July 16, 2008

สลิ่ม


ส่วนผสม
แป้งถั่ว 1 ถ้วย มะพร้าว ½ กิโลกรัม นมสด ½ ถ้วย ใบเตย 5 ใบ น้ำตาลทราย 1/3 กิโลกรัม เทียนอบ,น้ำดอกมะลิ
วิธีทำ
- นำใบเตยมาตำให้ละเอียดแล้วกรองใช้แต่น้ำข้น ๆ ใส่ถ้วยไว้ นำแป้งถั่ว 1 ถ้วย ต่อ น้ำ 4-5ถ้วย คนให้ละลายแล้วนำใส่กะทะทอง ยกขึ้นตั้งไฟกวนให้สุก นำมาเทใส่กระบอกกดลงในน้ำเย็น ถ้าจะให้เป็นสีเขียว นำน้ำใบเตยใส่ลงกวนในแป้งจะได้สีตามต้องการ แล้วเทสลิ่มใส่ตะแกรงพักไว้ให้ครบ 3 สี
น้ำสลิ่ม
- นำใบเตยกับน้ำดอกมะลิเคี่ยวให้หอม พอหอมแล้วนำน้ำตาลทรายใส่ลงไปในน้ำที่เคี่ยว ต้องให้ข้นยกลงแช่น้ำเย็น คั้นกะทิให้ข้น ๆ ประมาณ 2 ถ้วย (น้ำที่คั้นกะทิใช้น้ำสุก) พอครั้นกะทิเสร็จแล้วใช้กรองให้เรียบร้อย น้ำเชื่อมที่เคี่ยวทิ้งไว้ค่อนข้างเย็น นำน้ำกะทิใส่ลงไปแล้วคนให้เข้ากันดี จุดเทียนอบให้ลุกโชน ปัดให้ดับนำฝาปิดจนหมดควัน นำมากรอง เสร็จแล้วนำนมสดใส่ลงไปคนให้เข้ากัน จะได้น้ำสลิ่มตามที่ต้องการ

Tuesday, July 15, 2008

ทำเฉาก๊วย


เงินลงทุน
ประมาณ 6,000 บาท (รถเข็น 3,000 - 4,000 บาท กะละมังสังกะสีขนาดเล็ก โหลละ 85 บาท
ช้อนสังกะสีโหลละ 27 บาท โหลใส่น้ำเชื่อม 350 บาท กระติกใส่น้ำแข็ง 200 บาท)
รายได้
300 บาท / 100 ถ้วย / วัน
วัสดุ / อุปกรณ์
รถเข็น เตาถ่าน ปี๊บหรือถังสแตนเลส หม้อ ทัพพี ไม้พาย (สำหรับคนเฉาก๊วย) ผ้าขาวบาง กะละมังสังกะสีขนาดเล็ก (ใส่เฉาก๊วย) ช้อนสังกะสี โหลใส่น้ำเชื่อม กระติกใส่น้ำแข็งขนาดใหญ่
แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์
เวิ้งนาครเกษม สำเพ็ง คลองถม เยาวราช หญ้าเฉาก๊วย หาซื้อได้ตามย่านตลาดมหานาค
ส่วนผสม
หญ้าเฉาก๊วยแห้ง 1/2 กิโลกรัม น้ำสะอาด 18 ลิตร (1 ถัง)
วีธีทำ
1. นำหญ้าเฉาก๊วยแห้งมาล้างให้สะอาด เพื่อให้ทรายหรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ออกจนหมด แล้วนำไปใส่ปี๊บหรือถังสแตนเลส เติมน้ำสะอาดลงไป จากนั้นนำไปต้มด้วยไฟปานกลาง ใช้ไม้พายคนเรื่อย ๆ ไม่ให้น้ำล้นออกมา ใช้เวลาเคี่ยวประมาณ 4 ชั่วโมง ก็จะได้น้ำเฉาก๊วยที่ดำและเข้มข้น
2. เทน้ำเฉาก๊วยที่ได้ออกพักในหม้อ รอให้เย็น ซึ่งเมื่อเย็นแล้วจะมีความเข้มข้นมากกว่าเดิม แล้วจึงนำมากรองเอากากออก โดยใช้ผ้าขาวบางรองซ้อนกัน 3 ชั้น วางบนปากภาชนะ เทน้ำเฉาก๊วยกรองผ่านผ้าลงไปโดยกรอง 3 ครั้ง แต่ละครั้งพยายามคั้นกากให้น้ำออกมามาก ๆ เพื่อจะได้มีความดำและเหนียวเยอะ ๆ
3. ตักเฉาก๊วยที่ได้จากข้อ 2 ใส่กะละมังสังกะสีขนาดเล็กหรือภาชนะอื่นที่จะใส่ขาย พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ก็จะได้เฉาก๊วยที่เหนียวนุ่ม พร้อมจะนำไปเติมในน้ำเชื่อมและน้ำแข็งขาย
ส่วนผสมน้ำเชื่อม
น้ำตาลทราย 3 กิโลกรัม น้ำ 1/2 กิโลกรัม ใบเตย 5 - 6 ใบ
วิธีทำ
1. นำน้ำสะอาด น้ำตาล ใบเตย ไปตั้งไฟ ต้มให้น้ำตาลละลายจนหมด ยกลงจากเตาและทิ้งไว้ให้เย็น
2. นำน้ำเชื่อมที่ได้มากรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อให้สิ่งสกปรกหมดไป แล้วนำไปใส่โหล


วิธีขาย
นำเฉาก๊วยที่ใส่กะละมังสังกะสีขนาดเล็ก มากรีดด้วยมีดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ จากนั้นตักน้ำเชื่อมและน้ำแข็งใส่ลงไป นำไปเสริฟให้ลูกค้าพร้อมกับน้ำเย็น ตลาด / แหล่งจำหน่าย ย่านชุมชน โรงเรียน ตลาด
ข้อแนะนำ
1. หากมีเงินทุนน้อยอาจหาตลาดหรือแหล่งรับซื้อเพื่อขายส่งเฉพาะเฉาก๊วยโดยใส่ถุงพลาสติกบรรจุขาย 1/2 - 1 กิโลกรัม หรืออาจจะทำบรรจุถุงพร้อมดื่ม โดยนำเฉาก๊วยและน้ำเชื่อมบรรจุในถุงเดียวกัน เพื่อส่งขายตามร้านที่มีตู้แช่ต่าง ๆ
2. หากต้องการให้เฉาก๊วยแข็งตัวเร็วขึ้น ให้ใส่แป้งท้าวยายม่อมลงไปผสมกับเฉาก๊วยแห้ง
ประมาณ 3 - 4 ช้อนโต๊ะ / เฉาก๊วยแห้ง 1/2 กิโลกรัม

Monday, July 14, 2008

บัวลอยน้ำขิง - งาดำ


เงินลงทุน
ประมาณ 5,000 บาท
รายได้
1,200 - 1,500 บาท / 150 กล่อง
วัสดุ / อุปกรณ์
เตาแก๊ส เตาถ่าน กระทะ ถาดอลูมิเนียม ถาดพลาสติก หม้ออลูมิเนียมเบอร์ 45 กะละมัง
สแตนเลส ครกหินขนาดใหญ่ หม้อต้มน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว ตะกร้าพลาสติก กระชอน กระบวย ถังน้ำพลาสติก
แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์
แถวย่านเวิ้งนาครเกษม ร้านค้าที่ขายอุปกรณ์ทำขนมทั่วไป ร้านค้าที่ขายอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน
ส่วนผสม
งาดำที่คัดเมล็ดเสียทิ้งแล้ว 10 กิโลกรัม น้ำตาลทรายขาว 1 กิโลกรัม น้ำตาลทรายแดง 2 กิโลกรัม น้ำตาลปี๊บ 2 กิโลกรัม แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม ขิงแก่ 3 กิโลกรัม น้ำอุ่น 1 ลิตร น้ำสะอาด
วิธีทำ
ขั้นตอนทำไส้งาดำ
1. นำงาดำมาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นตั้งกระทะใช้ไฟอ่อนคั่วงาดำพอให้มีกลิ่นหอมแล้วตักขึ้น แล้ว เอามาโขลกให้ละเอียดด้วยครกหิน
2. นำกระทะตั้งไฟอ่อนอีกครั้ง ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทรายขาว เคี่ยวจนน้ำตาลปี๊บละลายเข้ากับน้ำตาลทรายขาว ใส่งาดำที่โขลกละเอียดลงไปเคี่ยวให้เข้ากันจนข้น แล้วตักใส่กะละมังสแตนเลส พักไว้ให้เย็น แล้วปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดเล็กกว่าลูกชิ้นเตรียมไว้
ขั้นตอนทำแป้งบัวลอย
1. นำแป้งข้างเหนียวเทลงในกะละมังสแตนเลส ค่อย ๆ เทน้ำอุ่นลงไปใช้มือนวดไปเรื่อย ๆ จนกว่าแป้งจะเหนียวเข้าที่ พักไว้
ขั้นตอนการทำบัวลอย
1. นำแป้งข้าวเหนียวและไส้งาดำที่เตรียมไว้มาปั้นเป็นขนมโดยหยิบแป้งบัวลอยขนาดเท่าหัวแม่มือแบออกเป็นแผ่น เอาไส้งาดำใส่ลงไปห่อด้วยแป้งแล้วคลึงให้เป็นลูกกลมขนาดเท่าลูกชิ้น เสร็จแล้ววางลงบนถาด อลูมิเนียมที่มีแป้งข้างวเหนียวใส่ทั่วถาด เพื่อป้องกันไม่ให้บัวลอยติดกัน
2. ตั้งกระทะใส่น้ำ 3/4 ของกระทะ ใช้ไฟแรง เมื่อน้ำเดือดแล้วหรี่ไฟปานกลาง ทยอยใส่บัวลอยลงไปต้ม รอจนบัวลอยสุกลอยขึ้นมาเอง ใช้กระชอนตักขึ้นมาใส่ในถังน้ำพลาสติกที่มีน้ำอยู่ประมาณ 1/2 ถัง แล้วค่อยตักขึ้น
3. นำขนมบัวลอยที่ได้มาใส่กล่องพลาสติกใส กล่องละ 5 ลูก เป่าด้วยพัดลมให้เย็นแล้วปิดฝาให้เรียบร้อย
ขั้นตอนการทำน้ำขิง
1. นำขิงแก่มาหั่นเป็นแผ่นบาง ๆ ล้างน้ำให้สะอาด
2. ตั้งหม้ออลูมิเนียมเบอร์ 45 ใส่น้ำ 3/4 ของหม้อ ใส่ขิงลงไปในน้ำ ต้มทิ้งไว้ทั้งคืน พอตอนเช้าก็ถ่ายลงในหม้อต้มซุปก๋วยเตี๋ยวสแตนเลส ใส่น้ำตาลทรายแดงประมาณ 2 กิโลกรัม ตั้งไฟให้ร้อนตลอดเวลา เมื่อจะนำ ออกมาขายบัวลอย 1 กล่อง 5 ลูก ให้ตักน้ำขิงร้อน ๆ ให้ลูกค้า 1 ถุง
ตลาด / แหล่งจำหน่าย
ย่านชุมชน บริเวณที่มีคนเดินพลุกพล่าน
สถานที่ฝึกอบรม
1. สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทร.942-8460, 579-2294 ต่อ 218-226
ข้อแนะนำ
1. ไม่ควรใส่น้ำตาลในงาดำมากเกินไป เพราะน้ำขิงมีรสหวานอยู่แล้ว ถ้าใส่มากขนมจะหวานเกินไป
2. ขั้นตอนการต้มบัวลอยต้องหรี่ไฟให้อ่อนลง ไม่เช่นนั้นบัวลอยจะติดก้นหม้อ
3. การต้มน้ำขิงควรต้มเวลากลางคืน และเตาที่ต้มควรเป็นเตาถ่านเพราะจะทำให้น้ำร้อนระอุตลอดเวลา

Sunday, July 13, 2008

ขนมสาลี่


ส่วนผสม
แป้งสาลีตราบัวแดง 4 ถ้วย (400 กรัม) (ถ้าต้องการให้กลิ่นหอมใช้แป้ง 5 ถ้วย) ไข่ไก่ใหม่ 3 ถ้วย ครีม เอส พี 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 3 ถ้วย น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเย็น ½ ถ้วย น้ำหอมตามชอบ 2 ช้อนชา สีผสมอาหารเล็กน้อย
วิธีทำ
1. นำไข่ไก่ น้ำตาลทราย และน้ำ ตีจนน้ำตาลละลายฟู นำครีม เอส พี ใส่ลงไปตีจนไข่ฟูขึ้นขาว ใส่สี กลิ่นน้ำหอม น้ำมะนาว
2. ผสมแป้งสาลีตราบัวแดงใส่ไข่ไก่คนเบา ๆ จนแป้งเข้ากันดี(ก่อนนำแป้งไปผสมต้องร่อนก่อน)
3. เทใส่ถาดสี่เหลี่ยมแล้วนำไปนึ่งในลังถึงที่น้ำเดือดพล่าน ไฟแรง ประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าขนมจะสุก
ข้อแนะนำ
การทดสอบขนมสุกหรือไม่ให้ใช้ไม้เล็ก ๆ แทงลงในขนม ถ้าไม่มีขนมติดไม้แสดงว่าขนมสุกแล้ว

Saturday, July 12, 2008

ทองหยิบ


ส่วนผสม
ไข่แดง (ไข่เป็ด) 2 ฟอง น้ำตาลทราย 5 ถ้วยตวง น้ำ 2.5 ถ้วยตวง กลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. นำน้ำตาลทราย น้ำกลิ่นมะลิมาผสมกัน ยกขึ้นตั้งไฟพอเดือด แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง
2. ไข่แดงใส่ผ้ากรองแล้วรีดออก ตีให้ขึ้นด้วยที่ตีไข่ประมาณ 5 นาที
3. กระทะใส่น้ำเชื่อม ตั้งไฟพอเดือด ยกลงแล้วตักไปหยอดทีละช้อนให้เป็นเหรียญกลม
4. ยกขึ้นตั้งไฟอีกครั้งให้น้ำเชื่อมเดือด พอด้านล่างสุก กลับเอาด้านบนลง เร่งไฟให้น้ำเชื่อมเดือด พอสุกตักขึ้นใส่ถาด พักไว้ให้อุ่น
5. ใช้นิ้วมือแตะน้ำเชื่อมที่เย็นแล้ว จับจีบ 5 - 6 จีบ ใส่ถ้วยเล็ก ๆ พักไว้ให้เย็นจึงเคาะออกจากถ้วยตะไล

Friday, July 11, 2008

ขนมชั้น


ส่วนผสม
แป้งข้าวมัน ½ กิโลกรัม แป้งท้าวยายม่อม 1 ขีด มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม แป้งข้าวจ้าว 1 ขีด น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
วิธีทำ
1. คั้นกะทิจากมะพร้าวให้ได้ 5 ถ้วยตวง
2. นำน้ำตาลทรายใส่น้ำ 2 ถ้วยตวง ตั้งไฟให้ละลายพอเดือดยกลงปล่อยให้เย็น
3. นำแป้งทั้งหมดรวมกันนวด โดยหยอดหัวกะทิสลับด้วยน้ำเชื่อมจนหมดแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง
4. แบ่งแป้งไว้ส่วนหนึ่งเพื่อผสมสีไว้หยอดหน้า ตักขนมหยอดในถาดอย่าให้หนาหรือบางเกินไป นึ่ง 5 นาที ถ้ายังไม่สุกอย่าหยอดแป้งทับ จะทำให้ขนมไม่สุก (1 ถาดจะได้ 6 ชั้น) ชั้นหน้าให้ใส่สีให้สวยงาม
หมายเหตุ
อาจใช้ใบเตยแทนสีและถ้าชอบกาแฟจะใส่กาแฟแทนสีขนมก็ได้

Thursday, July 10, 2008

เยลลี่ผลไม้รวม


เงินลงทุน
10,000 บาท
รายได้
100 – 200 บาท
วัสดุ/อุปกรณ์
เครื่องสกัดน้ำผลไม้ เครื่องชั่งน้ำหนักขนาดเล็ก เทอร์มอมิเตอร์วัดอุณหภูมิ เครื่องวัดความหวาน เครื่องวัดค่าความเป็นกรดเป็นด่าง pH ถุงมือ ถ้วยเยลลี่
ส่วนผสม
น้ำสับปะรด 250 กรัม น้ำแครอท 200 กรัม น้ำตาลทราย 150 กรัม คาราจีแนน 7 กรัม น้ำเปล่า 393 กรัม
วิธีทำ
1. น้ำแครอท โดยนำแครอทสดมาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นตามยาว นำไปลวกในน้ำเดือด 1 นาที แล้วนำไปเข้าเครื่องสกัดน้ำผลไม้ กรองน้ำแครอทด้วยผ้าขาวบาง
2. น้ำสับปะรด คัดเลือกสับปะรดแล้วปอกเปลือก เจาะจาและแกนออก หั่นเป็นชิ้น ๆ ตามยาว นำสับปะรดหั่นแล้วเข้าเครื่องสกัดน้ำผลไม้ กรองด้วยผ้าขาวบาง
3. น้ำเชื่อม นำน้ำตาลทรายและคาราจีแนนผสมให้เข้ากันตามสูตร ชั่งน้ำสะอาดตามน้ำหนัก แล้วนำไปตั้งไฟ ต้มพอให้อุ่น ๆ แล้วค่อย ๆ เทส่วนผสมของคาราจีแนน และน้ำตาลทราย ลงทีละน้อยพร้อมทั้งคนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมละลายน้ำเข้ากันหมด การทำเยลลี่ผลไม้ นำสับปะรด และน้ำแครอทที่เตรียมไว้ เทผสมไว้ในน้ำเชื่อมคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน แล้วต้มด้วยอุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียส นาน 3 นาที ยกลงเทใส่ภาชนะหรือถ้วยเยลลี่ (สับปะรด แครอท 4 กิโลกรัม จะได้เยลลี่ประมาณ 1 กิโลกรัม)
ข้อแนะนำ
ควรทำเยลลี่ให้มีความใส ยืดหยุ่นไม่แข็งกระด้างเหมือนวุ้นและไม่มีส่วนผสมของเนื้อผลไม้

เยลลี่มะม่วง

เงินลงทุน
10,000 บาท
รายได้
150 – 200 บาท/25 ถ้วย
วัสดุ/อุปกรณ์
เครื่องสกัดน้ำผลไม้ เครื่องชั่งน้ำหนักขนาดเล็ก เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิ เครื่องวัดความหวาน ถ้วยเยลลี่
แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์
ร้านวิทยาศรม
ส่วนผสม
น้ำมะม่วง 100 กรัม น้ำตาลทราย 75 กรัม คาราจีแนน 5 กรัม กรดมะนาว 1 กรัม น้ำ 319 กรัม
วิธีทำ
ตัดมะม่วงสุกเหลืองล้างให้สะอาด นำไปลวกในน้ำเดือด 3 – 5 นาที ตักขึ้น ใช้มีดแบ่งออกเป็น 2 ซีก ใช้ช้อนตักเอาแต่เนื้อออกจากเปลือกและเมล็ด แล้วนำไปใส่เครื่องสกัดผลไม้หรือเครื่องแยกกาก แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง (มะม่วง 1 กิโลกรัม จะได้น้ำ 500 กรัม) น้ำเชื่อม ชั่งน้ำตาล คาราจีแนน และกรดมะนาวตามส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากันเป็นอย่างดี ชั่งน้ำสะอาดตามน้ำหนักแล้วนำไปตั้งไปต้มให้พออุ่น ๆ แล้วค่อย ๆ เทส่วนที่ผสมแล้วลงไปที่ละน้อย คนไปเรื่อย ๆ จนเข้ากันหมด การผสมเยลลี่ นำมะม่วงที่เตรียมไว้เทลงไปในน้ำเชื่อมคนให้ส่วนผสมเป้นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปต้มอุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียส นาน 3 นาที แล้วยกลงตักใส่ภาชนะบรรจุเยลลี่ที่ปิดฝา จะได้เยลลี่มะม่วงประมาณ 500 กรัม โดยเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 1 เดือน
ข้อแนะนำ
ลักษณะของเยลลี่ที่ดีต้องมีความใสเป็นประกาย ยืดหยุ่นไม่แข็งกระด้างเหมือนวุ้นและไม่มีส่วนผสมของเนื้อผลไม้

Wednesday, July 9, 2008

ลอดช่องว่านหางจระเข้

ลอดช่องว่านหางจระเข้
ส่วนผสม
ว่านหางจระเข้ 1 กิโลกรัม (ขนาดใบที่มีน้ำหนัก ½ กก.จึงจะดี) น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม กะทิ 1 กิโลกรัม ใบเตย 5 ใบ
วิธีทำ
1. ปอกเปลือกว่านเป็นท่อนยาวประมาณ 4 นิ้ว ผ่าครึ่งแล้วหั่นให้มีความใหญ่เท่าขนาดตัวลอดช่อง
2. นำใบเตยมานหรือหั่นให้ละเอียดคั้นเอาน้ำรอไว
3. ต้มน้ำเดือดแล้วนำใบว่านที่หั่นแล้ว ใส่ลงไปต้มให้สุก ประมาณ 10 นาที ช้อนขึ้นมาแช่ใบเตยประมาณ 15 นาที
4. นำว่านที่แช่ใบเตยใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำแล้วแช่ในน้ำกะทิที่คั้นไว
5. นำน้ำตาลทรายใส่ลงไป 1.5 ถ้วย เคี่ยวให้เดือดสัก 5 นาที แล้วเอาผ้าขาวบางกรอง
6. เวลารับประทานก็ตักว่านที่แช่กะทิ ใส่น้ำแข็งและน้ำเชื่อมให้หวานตามแต่ลูกค้าชอบ

เยลลี่ฝรั่ง

เงินลงทุน
10,000 บาท
เครื่องสกัดน้ำผลไม้ 2,000 – 3,000 บาท
เครื่องวัดความหวานและปริมาณของแข็ง 3,500 – 4,000 บาท บาท
รายได้
300 – 400 บาท (96 บาท ต่อ 16 ถ้วย)
วัสดุ/อุปกรณ์
เครื่องสกัดน้ำผลไม้ เครื่องชั่งน้ำหนักขนาดเล็ก
เทอร์มอมิเตอร์วัดอุณหภูมิ เครื่องวัดความหวาน
เครื่องวัดค่าความเป็นกรดเป็นด่าง pH ถุงมือ
ถ้วยเยลลี่
แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์
ร้านขายอุปกรณ์เคมี
ส่วนผสม
น้ำฝรั่งสด 300 กรัม น้ำตาลทราย 250 กรัม
คาราจีแนน 7 กรัม น้ำเปล่า 443 กรัม
วิธีการเตรียมน้ำฝรั่ง
1. นำฝรั่งที่แก่จัด ล้างให้สะอาดแล้วผึ่งให้แห้ง ใช้มีดเฉาะแยกเมล็ด และเนื้อออกจากกัน นำเนื้อฝรั่ง เข้าเครื่องสกัดน้ำผลไม้ หรือเครื่องแยกกากจะได้น้ำฝรั่งล้วน ๆ
2. วัดปริมาณสารละลายทั้งหมดในน้ำฝรั่ง 7 % ด้วยเครื่องวัดปริมาณของแข็งที่ละลาย แล้ววัดค่า pH ให้ได้ 3.13 โดยเติมกรดมะนาว 10 กรัม ต่อ น้ำฝรั่ง 1 กิโลกรัม
3. ฝรั่ง 1 กิโลกรัม จะได้น้ำฝรั่งประมาณ 300 กรัม
การทำเยลลี่
ชั่งน้ำตาลทรายและคาราจีแนน ปริมาณตามสูตร แล้วผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน ชั่งน้ำเปล่าให้ได้น้ำหนักตามสูตร นำไปตั้งไฟพออุ่นแล้วค่อยเทส่วนผสมของน้ำตาลทรายกับคาราจีแนนลงไปทีละน้อยพร้อมกับคนไปเรื่อย ๆ จะละลายเข้ากับน้ำจนหมดนำผลฝรั่งที่เตรียมไว้เทลงในน้ำเชื่อมจนหมด ต้มด้วยอุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียส นาน 3 นาที แล้วยกลงเทใส่ถ้วยที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ปิดฝาติดสติ๊กเกอร์แช่เย็นพร้อมจำหน่าย
ข้อแนะนำ
ภาชนะที่ใช้ผลิตควรเป็นสแตนเลส และควรใส่ถุงมือระหว่างการผลิต เยลลี่ที่ดีจะต้องไม่มีเนื้อฝรั่งมาเจือปน มีความยืดหยุ่นไม่แข็งกระด้าง

ทำกล้วยกรอบแก้ว หวาน – เค็ม


เงินลงทุน
ประมาณ 2,000 บ.
รายได้
30 40 บาท/ 1 กิโลกรัม
วัสดุ/อุปกรณ์
กระทะใบบัว 2 ใบ
ตะแกรงลวด 3 อัน
กะละมัง ถาดสแตนเลส
ถุงบรรจุ ที่ใส่กล้วย
หม้อ
แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์
ร้านค้า และห้างสรรพสินค้าทั่วไป
วิธีทำกล้วยกรอบแก้วหวาน
1. เตรียมทำน้ำเชื่อม โดยใช้น้ำตาล 1 กิโลกรัม ต่อน้ำเปล่า 2 กิโลกรัม ใส่ลงในหม้อตั้งไฟ เคี่ยวจนเป็นน้ำเชื่อมใส ๆ แล้วพักทิ้งไว้ให้เย็น
2. นำน้ำเปล่าใส่กะละมัง เติมน้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย แล้วชิมรสให้น้ำพอมีรสกร่อย ๆ ไม่ต้องออกรสเปรี้ยว
3. นำกล้วยดิบมาปอกเปลือก เสร็จแล้วนำไปแช่น้ำที่ผสมน้ำส้มสายชูจะทำให้กล้วยไม่ฝาดและดำในเวลาทอด
4. นำกล้วยที่แช่น้ำผสมน้ำส้มสายชูไปล้างให้สะอาด แล้วแช่น้ำเปล่าทิ้งไว้ 5 นาที
5. นำกระทะใส่น้ำมันพืชลงไปตั้งไฟให้ร้อน จากนั้นก็นำผลกล้วยที่แช่อยู่ในน้ำมาไสเป็นแผ่นบาง ๆ ฝานลงไปทอดเลย จนกล้วยนิ่มมีสีเหลืองลอยขึ้นมา ใช้ตระแกรงตักขึ้นเขย่าให้สะเด็ดน้ำมัน
6. นำกล้วยที่ทอดแล้วกำลังร้อน ๆ มาเทลงในน้ำเชื่อม แล้วใช้ตระแกงอันใหม่กดให้กล้วยจมลงในน้ำเชื่อมทั่วถึงกัน แล้วตักออกมาใส่กระจาดไม้ไผ่ ผึ่งไว้ให้กล้วยสะเด็ดน้ำเชื่อมสักครู่ แล้วนำกล้วยกลับมาทอดอีกครั้งโดยใช้กระทะใบใหม่ ตั้งน้ำมันให้ร้อน ทอดให้กล้วยมีสีเหลืองเข้มกว่าเดิมเล็กน้อย นำขึ้นมาผึ่งให้สะเด็ดน้ำมันอีกครั้งทิ้งไว้ให้เย็นแล้วนำมาบรรจุถุงพร้อมจำหน่ายทันที
กล้วยกรอบแก้วแบบเค็ม
วิธีการทำเหมือนกับแบบหวาน แต่จะทอดครั้งเดียวเท่านั้น การทอดแบบกรอบเค็มต้องทอดให้มีสีเหลืองกว่าแบบกรอบหวาน ในระหว่างที่ทอดก็เตรียมถาดสแตนเลสทาด้วยเนยเค็มให้ทั่ว แล้วนำกล้วยที่เพิ่งทอดเสร็จร้อน ๆ เทคลุกเคล้าให้เนยเข้ากับกล้วยในถาดชิมรสชาติดูหากต้องการเค็มเพิ่มขึ้นก็ให้โรยเกลือไอโอดีนเล็กน้อย คลุกให้เข้ากันอีกครั้งทิ้งไว้ให้เย็น ก่อนบรรจุถุงขาย

ตลาดจำหน่าย
แหล่งชุมชน สถานศึกษา ร้านค้าทั่วไป

ข้อแนะนำ
1. ควรเลือกใช้กล้วยหอม เพราะมีคุณภาพเนื้อกล้วยที่ดีมีกลิ่นหอมในตัวทอดแล้วไม่กระด่าง มีสีสวย
2. น้ำมันที่ใช้ทอดไม่ควรเกิน 2 ครั้ง เพราะอาจมีกลิ่นของน้ำมันติดเนื้อกล้วย
3. การบรรจุถุงควรให้ดูสวยงาม น่ารับประทาน นำไปขายเองหรือส่งขาย

Tuesday, July 8, 2008

ส้มโอแก้วสี่รส

เงินลงทุน
ประมาณ 500 - 1,500 บาท
รายได้
200 - 500 บาท/วัน
วัสดุ/อุปกรณ์
ภาชนะถาดอะลูมิเนียมหรือสแตนเลส หม้อขนาดกลางและขนาดใหญ่ เตาแก๊ส เครื่องปั่นผลไม้ กะทะทองเหลือง ไม้พาย กระดาษแก้วสีเหลือง/แดง
แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์
ร้านขายเครื่องครัวเรือนทั่วไป
ส่วนผสม
เนื้อเยื่อส่วนกลางของผลส้มโอ (หรือนวม) บดละเอียด 5 ถ้วย
น้ำตาลทรายขาว 3 ถ้วย แบะแซ 1/2 ถ้วย
เกลือไอโอดีน 1 ช้อนโต๊ะ กรดซิตริก 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสด 3 ผล
วิธีทำ
1. ปอกเปลือกผิวส้มโอให้หมด เหลือแต่เนื้อเยื่อส่วนกลางของส้มโอ
2. หั่นเนื้อเยื่อส่วนกลางหรือนวมเป็นชิ้นแล้วนำไปขยำกับน้ำเปล่า 2 - 3 ครั้ง
3. นำเนื้อเยื่อส่วนกลางที่ขยำกับน้ำแล้วไปต้มให้เดือด แล้วตักใส่น้ำเย็น ทำสัก 2 - 3 ครั้ง จนหายขมแล้วนำไปบดและปั่นให้ละเอียด
4. นำเนื้อเยื่อส่วนกลางที่บดละเอียดแล้ว ผสมกับน้ำตาลทราย เกลือและกรดซิตริกตามอัตราส่วนที่กำหนดลงในกระทะทองเหลือง แล้วใช้ไม้พายกวนโดยใช้ไฟให้ความร้อนระดับปานกลาง กวนไปเรื่อย ๆ จนเหลือง
5. ใส่แบะแซและพริกขี้หนูสดที่บดละเอียด ตักขึ้นมาทดลองปั้นดู ถ้าปั้นเป็นก้อนได้ ก็ยกลงจากเตาแก๊ส แล้วนำมาปั้นเป็นลูกกลม ๆ คลุกด้วยน้ำตาลทรายขาวปนเกลือ
6. ห่อด้วยกระดาษแก้ว เพียงเท่านี้ก็จะได้ส้มโอแก้วสี่รส ทั้งหวานเปรี้ยวเผ็ดผสมกัน บรรจุใส่ถุงพลาสติกขาย
ตลาด / แหล่งจำหน่าย
ร้านขายของที่ระลึก ร้านกิ๊ฟท์ช้อป
ข้อแนะนำ
วัตถุดิบเปลือกส้มโอ ให้ซื้อจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายเนื้อส้มโอ และควรใช้เปลือกส้มโอพันธ์ท่าข่อย ซึ่งมีมากแถบจังหวัดชัยนาท เพราะมีเปลือกหนามีเนื้อส่วนกลางส้มโอเยอะ

ขนมเบื้องไทย


เงินลงทุน
ครั้งแรกประมาณ 9,000 - 10,000 บาท (เตาแก๊สชนิดที่มีกระทะสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดมาด้วย ราคาประมาณ 4,000 -5,000 บาท รถเข็นราคาประมาณ 4,000 บาท)
รายได้
ประมาณ 500 บาท/วัน
วัสดุ/อุปกรณ์
เตาแก๊สพร้อมกระทะทำขนมเบื้อง กระจ่า (ใช้ละเลงแป้ง) เหล็กโป๊ว(ใช้แซะขนมเบื้อง) กะละมัง ที่ตีไข่ หรือส้อม ถุงพลาสติก
ส่วนผสมแป้ง
แป้งข้าวจ้าว 3 ถ้วยตวง ถั่วเขียวป่นละเอียด 1 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำปูนใส
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
นำแป้งข้าวจ้าว ถั่วเขียวคั่วป่น น้ำตาลทรายและไข่ไก่มาผสมรวมกัน จากนั้นเติมน้ำปูนใสลงในแป้ง ค่อยๆ นวดแป้งพร้อมกับทยอยเติมน้ำปูนใสที่ละน้อยจนแป้งเข้ากับส่วนผสมอื่นเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้เวลานวดประมาณ 10 นาที แล้วจึงเติมน้ำปูนใสที่เหลือจนหมดคนให้เข้ากัน
ส่วนผสมหน้าน้ำตาล (ครีมขาว)
ไข่ขาวของไข่เป็ด 1 ฟอง น้ำตาลปี๊บ 4 ขีด
วิธีทำ
นำไข่ขาวผสมกับน้ำตาลปี๊บ ใช้ที่ตีไข่หรือส้อมตีส่วนผสมให้เข้ากันจนส่วนผสมมีสีขาวลักษณะคล้ายครีมเป็นอันใช้ได
ส่วนผสมไส้เค็ม
รากผักชีหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียม 5 กลีบ
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา มะพร้าวขูดขาว 1 ถ้วยตวง
เกลือป่น 2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 4 - 5 ช้อนโต๊ะ
กุ้งสดสับเป็นชิ้นเล็กๆ 1/2 ถ้วยตวง สีผสมอาหารสีส้มและน้ำมันพืชเล็กน้อย
วิธีทำ
1. นำรากผักชีหั่นฝอย กระเทียม และพริกไทยป่น โขลกรวมกันจนละเอียด
2. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันเล็กน้อยจนน้ำมันร้อนพอเห็นควันขึ้นขาว แล้วจึงนำส่วนผสมข้อ 1. ลงผัดจนสุกหอมได้ที่
3. ใส่มะพร้าวขูดขาวและกุ้งสดสับลงไปผัดรวมกันจนสุก เติมสีผสมอาหารสีส้มพอให้เกิดสีสวยน่ารับประทาน
4. ปรุงรสด้วยเกลือป่นและน้ำตาลทราย แล้วตักขึ้นจากกระทะใส่ภาชนะพักไว้
ส่วนผสมไส้หวาน
ฝอยทอง 2 ถ้วยตวง มะพร้าวแก้ขูดฝอยเป็นเส้นยาว 2 ถ้วยตวง งาขาว 1/2 ถ้วยตวง
วิธีทำขนมเบื้อง
1. ใช้กระจ่าตักแป้งที่เตรียมไว้ละเลงลงบนกระทะ โดยบี้แป้งให้เป็นวงกลมแบน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว รอจนแป้งสุกขาว
2. ใช้กระจ่าตักหน้าน้ำตาลพอประมาณทาบนแผ่นแป้ง โดยวนให้อยู่รอบๆขอบแผ่นแป้ง
3. เมื่อหน้าน้ำตาลร้อนจนเดือดเป็นฟองอากาศ จึงตักไส้เค็มใส่ลงไปและเด็ดใบผักชีใส่ลงไปสัก 1 ใบ ส่วนไส้หวานให้ตักฝอยทอง งาขาว และมะพร้าวขูดฝอยเป็นเส้นใส่ลงไปพอประมาณ
4. เมื่อแป้งเริ่มเกรียมกรอบให้แซะแป้งขึ้นพับครึ่งวงกลมตักใส่ถุงหรือกล่องกระดาษขาย
ตลาด/แหล่งจำหน่าย
ตลาดทั่วไป แหล่งชุมชน
ข้อแนะนำ
1. ต้องผัดส่วนผสมของไส้เค็มให้แห้ง หากไม่แห้งเมื่อตักใส่แป้งจะทำให้แป้งเหนียวไม่กรอบ
2. ต้องละเลงแป้งให้บาง เพื่อความน่ารับประทาน และทำให้ได้จำนวนมากขึ้น
3. อัตราส่วนดังกล่าวข้างต้นสามารถทำขนมเบื้องได้ 700 - 800 ชิ้น

Monday, July 7, 2008

ขนมปัง - สังขยา และนมสด


เงินลงทุน
ครั้งแรกประมาณ 6,000 บาท ขึ้นไป (ไม่รวมค่าเช่าสถานที่) (เตาแก๊สพร้อมถัง ราคาประมาณ 2,500 บาท ตู้กระจก ราคา 2,000 บาท นมสดราคาประมาณ 16 บาท / กิโลกรัม)
รายได้ ประมาณ 800 - 1,000 บาท / วัน
วัสดุ/อุปกรณ์
เตาแก๊สพร้อมถัง ตู้กระจก หม้อ ทัพพี ซึ้งนึ่ง ผ้าขาวบาง จาน ถ้วย แก้ว ถุงพลาสติก และหลอดดูด
แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์
ร้านค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้า แหล่งจำหน่ายนมสด ฟาร์มโคนมต่าง ๆ
วิธีทำ
นำขนมปังที่ใหม่ เนื้อนุ่ม และมีกลิ่นหอมมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ แล้วนำไปนึ่งให้อุ่น
เสริฟใส่จานหรือใส่ถุงให้ลูกค้าพร้อมสังขยา
ส่วนผสมสังขยาทาขนมปัง (กลิ่นใบเตย)
มะพร้าวขูดขาว 1/2 กิโลกรัม นมสดจืด 1 1/2 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วยตวง ไข่ไก่ 3 ฟอง เกลือ 1/3 ช้อนโต๊ะ ใบเตยสด 3 ใบ แป้งสาลี 3 ช้อนโต๊ะ แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. นำมะพร้าวมาคั้นกับน้ำอุ่น ๆ ให้ได้กะทิ 3 ถ้วยตวง และนำใบเตยสดที่ตำละเอียดมาคั้นกับน้ำ กรองกากใบเตยออก ให้ได้น้ำใบเตย 5 ช้อนโต๊ะ
2. นำนมสดจืดใส่หม้อ ใส่ไข่ (เฉพาะไข่แดง) คนให้เข้ากัน ใส่น้ำตาล เกลือ น้ำกะทิ คนให้เข้ากัน แล้วจึงใส่น้ำใบเตย คนให้ทั่วอีกครั้ง
3. นำแป้งสาลีและแป้งมันละลายน้ำเล็กน้อย ค่อย ๆ เทใส่ผสมลงในหม้อ คนให้เข้ากันทั้งหมด
4. นำหม้อขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ คนไปเรื่อย ๆ จนแป้งขึ้นเงาและสุกทั่วจึงยกลง
วิธีทำนมสด
1. นำนมสดที่ซื้อมานึ่งเสียก่อน แล้วจึงผสมกับน้ำตาลทรายขาวในอัตราส่วน นมสด 2 - 3 ลิตร /น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วยตวง คนให้ละลายเข้ากัน
2. เมื่อลูกค้าส่งนมสดร้อน ให้นำนมสดที่ผสมแล้วในข้อ 1 ไปอุ่นให้ร้อนเล็กน้อย หากสั่งนมสดเย็น ก็ใส่น้ำแข็งเสริฟใส่แก้วหรือถุงให้ลูกค้า
ตลาด / แหล่งจำหน่าย
ตลาดโต้รุ่ง ย่านชุมชน บริเวณใกล้โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย หรือเช่าพื้นที่ของศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า
สถานที่ฝึกอบรม
1. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนครใต้ โทร. 02-2112052,2112056
2. ชมรมลุงขาวไขอาชีพ โทร.538-3981
ข้อแนะนำ
1. ควรสั่งซื้อนมสดมาจำหน่ายเฉพาะที่ต้องการใช้ในแต่ละวันเพื่อความใหม่สดของน้ำนม เพราะอายุของนมสดจะอยู่ได้เพียงวันเดียว แต่ถ้ามีเหตุให้ต้องเหลือไว้จริง ๆ ให้เก็บรักษาไว้ในตู้เย็น
2. หากมีเงินลงทุนมาก อาจเปิดเป็นร้านจำหน่าย โดยตกแต่งให้ทันสมัย น่ารัก มีโต๊ะ - เก้าอี้ และภาชนะต่าง ๆ ที่เสริฟแล้วดูสวยงาม มีเครื่องต้มนมสดและเครื่องทำความเย็นแบบมีก๊อกเปิด - ปิด เพื่อรินนมใส่แก้ว เป็นต้นนอกจากนี้ ควรดัดแปลงให้มีการจำหน่ายหลากหลายขึ้น โดยปรุงแต่งนมสดรสชาติต่าง ๆ เช่น นมสด
รสโกโก้ นมสดรสกาแฟ นมแดง นมถั่วแดง ฯลฯ รวมทั้งขนมปังต่าง ๆ เช่น ขนมปังปิ้งทาแยม ทาเนย ทาน้ำพริกเผา เป็นต้น

Sunday, July 6, 2008

ขายขนมโตเกียว


เงินลงทุน
ประมาณ 8,000 บาท (รถเข็น 3,000 บาท - 4,000 บาท เตาแก๊สพร้อมกระทะสี่เหลี่ยม 2,500 บาท ตู้กระจก 700 บาท)
รายได้
ประมาณ 500 บาทขึ้นไป / วัน
วัสดุ / อุปกรณ์
รถเข็น เตาแก๊สแบบมีกระทะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หม้อ ตู้กระจกขนาดเล็ก กะละมัง ทัพพีกลมขนาดเล็ก เกรียง ภาชนะใส่ไส้ขนม
แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์
เวิ้งนาครเกษม สำเพ็ง
ส่วนผสมแป้ง
แป้งสาลี 1.5 กิโลกรัม ไข่ไก่ 10 ฟอง
นมสด 1 กระป๋องนม ผงฟู 15 กรัม
น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมรวมกันในกะละมัง ใช้มือนวด คลุกเคล้าให้เข้ากัน
2. เมื่อนวดแป้งได้ที่แล้ว แบ่งแป้ง 250 กรัมไว้ทำไส้ครีม ส่วนที่เหลือคือแป้งทำขนมโตเกียว
วิธีทำไส้ครีม
1. นำแป้งที่นวดแล้ว 250 กรัม ใส่หม้อตั้งไฟอ่อน ๆ เคี่ยวพร้อมกับน้ำตาลทราย 500 กรัม เนยสด 125 กรัม เคี่ยวจนกระทั่งส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้ไส้ครีมเนย
2. หากต้องการทำไส้ครีมใบเตย ให้แบ่งไส้ครีมเนยมาครึ่งหนึ่ง แล้วนำใบเตยประมาณ 3 - 4 ใบ บดให้ละเอียดใส่น้ำ 1/3 ถ้วยตวง ผสมกับใบเตยบด คั้นเอาเฉพาะน้ำ นำครีมเนยที่แบ่งไว้ขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ เทน้ำใบเตยลงไปผสม เคี่ยวจนเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้ไส้ครีมใบเตย
วิธีทำไส้ไส้กรอก
1. นำไส้กรอกประมาณ 1 กิโลกรัม มาหั่นเป็นท่อน ๆ ละประมาณ 1 นิ้ว
วิธีทำไส้ไข่นกกระทา
1. ใช้ไข่นกกระทาประมาณ 50 ฟอง พริกไทยป่น 1 ขวดเล็ก และนำหมูบดประมาณ 250 กรัม มาลวกในน้ำเดือดจนสุก

วิธีทำขนมโตเกียว
1. ใช้ทัพพีกลมตักเนื้อแป้งที่เตรียมไว้หยอดลงในกระทะ ใช้ก้นทัพพีละเลงแป้งเป็นรูปวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 1/2 นิ้ว
2. หากเป็นไส้ไข่นกกระทา ให้ตอกไข่ลงบนแป้ง เมื่อแป้งและไข่สุกใส่หมูบดลงไปเล็กน้อย โรยพริกป่น แต่ถ้าเป็นไส้ครีมและไส้ไส้กรอก เมื่อแป้งสุกจึงตักไส้ใส่ลงไป
3. ใช้เกรียงแซะแผ่นแป้งทางด้านล่างพร้อมกับม้วนแป้งให้ปิดไส้ ก็จะได้ขนมโตเกียวตามที่ลูกค้าต้องการ
ตลาด / แหล่งจำหน่าย
ย่านชุมชน หมู่บ้านจัดสรร โรงเรียน
ข้อแนะนำ
1. นอกจากไส้ชนิดต่าง ๆ ดังกล่าวมาข้างต้นแล้ว สามารถปรับปรุงเพิ่มเติมเป็นไส้อื่น ๆ อีก เช่น ไส้เผือก ไส้ข้าวโพดหวาน เป็นต้น
2. การขายขนมโตเกียว ไม่ควรทำไว้รอลูกค้ามาซื้อ เมื่อลูกค้าสั่งขนมจึงค่อยลงมือทำ เพื่อให้ขนมโตเกียวมีความใหม่ กรอบ และร้อนน่ารับประทาน